คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลย 3 คนไปพูดขู่เจ้าทุกข์ว่ากระทำผิดอาญาจะจับกุม ถ้าไม่อยากถูกจับก็ให้เอาเงินมาให้จำเลยเจ้าทุกข์ยินยอมให้เงินแก่จำเลยดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานกรรโชก
ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม. 39, 121, 158 ในคดีความผิดตามกฎหมายอาญา ม. 268 วรรคต้นเป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้นถึงแม้อัยยการโจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าได้สอบสวนคดีมีมูลไว้ขั้นหนึ่งแล้วก็ตาม เมื่อไม่ปรากฎว่าเจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตามระเบียบ และเป็นคดีที่รวมการกระทำผิดหลายอย่างทั้งส่วนตัวและไม่ส่วนตัวแล้วอัยยการไม่มีอำนาจฟ้องได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านหลังจากที่จับ ส. หาว่าลักโคแล้ว ตอนเย็นจำเลยได้มาขู่ บ.กับพวกว่า ส.ซัดว่า บ.กับพวกได้ร่วมกินโคที่ ส.ลักไปฆ่า นายอำเภอมีหมายมาให้จับ ถ้าไม่อยากถูกจับให้เอาเงินมาให้คนละ ๑ บาท บ.กับพวกยอมเสียเงินให้จำเลยคนละ ๑ บาทโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม. ๑๓๖, ๒๖๘, ๓๐๓
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม. ๒๖๘ และ ๓๐๓
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีผิดตาม ม. ๓๐๓ ส่วน ม. ๒๖๘ เป็นความผิดต่อส่วนตัว เพราะจำเลยไม่มีเครื่องสาตราวุธและไปกันเพียง ๓ คนเท่านั้น เมื่อคดีนี้โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าเจ้าทุกข์ขอให้ว่ากล่าว จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าข้อเท็จจริงคงได้ความแต่ว่าเมื่อจำเลยพูดแล้ว พวกเจ้าทุกข์ก็ให้เงินแก่จำเลยทีเดียว หาได้สัญญาจะส่งให้ไม่และจำเลยก็มิได้ให้เจ้าทุกข์รับปากคำ ยอมให้เงินแก่จำเลย จึงไม่เป็นผิดตาม ม. ๓๐๓ ส่วนเรื่องร้องทุกข์นั้นไม่เชื่อว่าเจ้าทุกข์จะได้ร้องขอให้นำคดีขึ้นฟ้องร้องว่ากล่าว ดังฏีกาโจทก์ จริงอยู่ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเจ้าพนักงานได้สอบสวนคดีมีมูลไว้ชั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งอาจทำให้เห็นว่าเรื่องนี้มีคำร้องทุกข์แล้ว เจ้าพนักงานจึงได้ทำการสอบสวนตามนัยฎีกาที่ ๔๒๑/๒๔๗๙ แต่ข้อหาคดีนี้เป็น ม. ๒๖๘ รูปคดีหาเหมือนกับข้อหาฐานยักยอกตาม ม. ๓๑๔ ในฎีกาที่ ๔๒๑/๒๔๗๙ ไม่ เพราะ ม. ๓๑๔ เป็นความผิดส่วนตัวทั้งมาตรา ส่วน ม. ๒๖๘ เป็นความผิดส่วนตัวฉะเพาะตอนต้นและตอนที่ ๒ เท่านั้น ฟ้องของโจทก์จึงอาจเป็นว่าสอบสวนคดีธรรมดาก็ได้ เพราะโจทก์ฟ้องจำเลยมาถึง ๓ มาตรา จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ใฟ้ยกฟ้องโจทก์

Share