แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มิลลิเมตร) ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองและใช้กระสุนปืนดังกล่าวไปกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานใช้กระสุนปืนดังกล่าวไปกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหามีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 78 วรรคหนึ่ง ไม่ได้ลงโทษข้อหาใช้เครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 78 วรรคสาม โจทก์ไม่อุทธรณ์ข้อหานี้จึงยุติ ส่วนอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกชนิดประกอบขึ้นใช้กับกระสุนปืนขนาด .223 โดยเฉพาะ และปลอกกระสุนปืนของกลางก็เป็นปลอกกระสุนปืนขนาด .223 แม้ปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ส่วนอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเจตนาของจำเลยในการมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นการมีไว้เพื่อความประสงค์อันเดียวกัน การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท คือฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานมีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันคือจำเลยมีอาวุธปืนพกชนิดประกอบขึ้นเอง ขนาดประมาณ .223 (5.56 มิลลิเมตร) จำนวน 1 กระบอกไม่มีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และมีกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มิลลิเมตร) จำนวน 1 นัด อันเป็นเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในบริเวณถนนสายลำปาง – งาว อันเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่ใช่กรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และจำเลยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว ยิงนายอินสอน ผู้เสียหายจำนวน 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ หัวกระสุนฝังใน จำเลยลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากมีผู้ช่วยเหลือผู้เสียหายส่งแพทย์รักษาได้ทันท้วงที ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย แต่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เจ้าพนักงานยึดอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืนที่จำเลยใช้กระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 80, 91, 288, 371 ริบอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ (ที่ถูก 8 ทวิ วรรคหนึ่ง), 72 (ที่ถูก 72 วรรคหนึ่ง), 72 ทวิ (ที่ถูก 72 ทวิ วรรคสอง), 78 (ที่ถูก 78 วรรคหนึ่ง) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288, 371 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 19 ปี จึงเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายนายทะเบียนประทับไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท ฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานพยายามฆ่า จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปี 15 เดือน และปรับ 3,500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 7 เดือน 15 วัน และปรับ 1,750 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะแล้ว เห็นว่า จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ ประกอบกับผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ และพฤติการณ์แห่งคดีไม่ร้ายแรง และจำเลยอายุยังน้อยและทำงานเป็นหลักแหล่ง เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายใน 1 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สมควรรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยใช้อาวุธปืนขนาด .223 ซึ่งเป็นอาวุธปืนร้ายแรงยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย ถือว่าเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง จึงไม่สมควรรอการลงโทษให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ความผิดฐานมีกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มิลลิเมตร) ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองและใช้กระสุนปืนดังกล่าวไปกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานใช้กระสุนปืนดังกล่าวไปกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหามีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง ไม่ได้ลงโทษข้อหาใช้เครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในการกระทำความผิดตามมาตรา 78 วรรคสาม โจทก์ไม่อุทธรณ์ ข้อหานี้จึงยุติส่วนอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกชนิดประกอบขึ้นใช้กับกระสุนปืนขนาด .223 โดยเฉพาะ และปลอกกระสุนปืนของกลางก็เป็นปลอกกระสุนปืนขนาด .223 แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ส่วนอาวุธปืนของกลาง ตามฟ้องของโจทก์ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า เป็นอาวุธปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเจตนาของจำเลยในการมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นการมีไว้เพื่อความประสงค์อันเดียวกัน การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท คือฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานมีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษเป็น 2 กรรม นั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานมีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานพาอาวุธปืนและฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วเป็นจำคุก 6 ปี 9 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5