คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นเขียนคำพิพากษาย่อบันทึกไว้หลังปกสำนวน ต่อมาเจ้าหน้าที่ของศาลจึงพิมพ์ฉบับเต็ม แต่ปรากฏว่าพิมพ์ข้อความขาดตกไป ดังนี้ ถือว่าเป็นการพิมพ์ผิดพลาด ชอบที่จะแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 20 ตรี, 22 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 4, 7, 8, 12 จำคุกฐานมีเฮโรอีน 1 ปี ฐานเสพเฮโรอีน 2 ปี รวมจำคุก 3 ปีลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้จำคุกจำเลย 6 เดือนฐานมีเฮโรอีนเพียงฐานเดียว โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานเสพเฮโรอีนนั้นชอบหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาย่อโดยเขียนไว้ที่หลังปกสำนวน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้องโจทก์ทุกประการ การที่ข้อความในวรรคแรกของคำพิพากษาฉบับเต็มซึ่งมาพิมพ์ขึ้นในภายหลัง ระบุไว้แต่เพียงว่าจำเลยที่ 2มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง โดยมิได้กล่าวถึงเรื่องเสพเฮโรอีนด้วย อันเป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นเป็นหลักวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามข้อความในวรรคแรก แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานเสพเฮโรอีนนั้น เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดของศาลพิมพ์ข้อความคำว่าเสพเฮโรอีนตกไปด้วยความพลั้งเผลอ ซึ่งข้อบกพร่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องภายในของศาล และเป็นการจัดพิมพ์ขึ้นภายหลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษาย่อตามที่ได้เขียนไว้ที่หลังปกสำนวนนั้นแล้ว นอกเหนืออำนาจของโจทก์ที่จะทราบและอุทธรณ์คัดค้านได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิด 2 ฐาน คือฐานมีกับฐานเสพเฮโรอีน และจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง ไม่ขอต่อสู้คดี ดังปรากฏตามคำให้การของจำเลยที่ 2 (เอกสารในสำนวนอันดับที่ 6) และรายงานกระบวนพิจารณา (เอกสารในสำนวนอันดับที่ 10) ที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกไว้ จำเลยที่ 2 และโจทก์ต่างแถลงไม่ขอสืบพยาน ความผิดฐานเสพเฮโรอีนมิใช่ความผิดซึ่งกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานอื่นที่หนักกว่านั้นซึ่งจะต้องสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานเสพเฮโรอีนจริงตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้ และก็ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว คือตามคำพิพากษาย่อที่ศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้ที่หลังปกสำนวนซึ่งมีข้อความว่า “คำพิพากษาจำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีเฮโรอีน จำคุก 1 ปี ฐานเสพเฮโรอีนจำคุก 2 ปี รวมโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน(หนึ่งปีหกเดือน) ของกลางริบ” จริงดังที่โจทก์ฎีกา ทั้งในวรรคสองของคำพิพากษาซึ่งต่อมาได้พิมพ์เป็นฉบับเต็ม (เอกสารในสำนวนอันดับที่ 11) ก็มีข้อความว่าจำเลยที่ 2 มีความผิด และลงโทษทั้ง 2 ฐานตามที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นที่เห็นได้แน่ชัดว่า ข้อความในวรรคแรกของคำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับเต็มซึ่งมาพิมพ์ขึ้นในภายหลังและศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นเป็นหลักวินิจฉัยนั้น ได้พิมพ์ข้อความเรื่องจำเลยที่ 2 เสพเฮโรอีนตกไป ถือได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดพลาด ชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 แต่อย่างใด ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเสพเฮโรอีนถูกต้องตามข้อเท็จจริงและประเด็นแห่งคดีแล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานนี้เสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเสพเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 22 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 8 ด้วย ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share