คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและตั้งผู้อื่นเป็นผู้ขำระบัญชีแล้ว อำนาจของกรรมการบริษัทย่อมหมดไป กรรมการของบริษัท 2 นายซึ่งมิใช่ผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจลงชื่อในฟ้องฎีกาแทนบริษัทจำเลยที่ได้เลิกไปก่อนวันยื่นฎีกานั้นได้และผู้ชำระบัญชีจะให้สัตยาบันแก่ฎีกานั้นภายหลังที่พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ได้ ตามนัยแห่งฎีกาที่ 425/2503
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26-27/2504

ย่อยาว

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๑๒๕,๐๐๐ บาท และดอกเบี้ยจำเลยยื่นฎีกาโดยกรรมการบริษัทจำเลย ๒ นายลงชื่อในฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับแล้วโจทก์คัดค้านว่าบริษัทจำเลยเลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีแล้วก่อนวันยื่นฎีกา กรรมการบริษัทไม่มีอำนาจฎีกา ศาลชั้นต้นสอบถามแล้วส่งสำนวนมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัย
คดีได้ความว่า บริษัทจำเลยได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและตั้งคนอื่นเป็นผู้ชำระบัญชีแล้วเกือบ ๒ เดือน จำเลยจึงยื่นฎีกาโดยกรรมการบริษัท ๒ นายลงชื่อในฎีกา ทนายจำเลยมิได้ลงชื่อฎีกา เมื่อโจทก์คัดค้านแล้ว ผู้ชำระบัญชีจึงขอให้สัตยาบันแก่ฎีกาของจำเลยซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่พ้นระยะเวลาฎีกา ๑ เดือน แล้ว และคดีไม่มีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นอย่างไรที่ผู้ชำระบัญชีไม่อาจลงชื่ในฎีกาได้ด้วย ดังนี้
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อบริษัทได้เลิกบริษัทและตั้งผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจลงชื่อฎีกาได้ ส่วนการที่ผู้ชำระบัญชีให้สัตยาบันแก่ฎีกานั้น ที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จะให้สัตยาบันภายหลังที่พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ได้ ตามนัยแห่งฎีกาที่ ๙๒๕/๒๕๐๓ จึงไม่ต้องวินิจฉัยข้อฎีกาของจำเลยต่อไป
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share