คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หัวข้อข่าวที่ว่า แอมบาสเดอร์เบี้ยวค่าเฟอร์นิเจอร์เจ้าของร้านฟ้องศาลเรียกหนี้ 1 ล้าน หมายถึงแอมบาสเดอร์ไม่จ่ายค่าเฟอร์นิเจอร์ เพราะไม่ซื่อตรงหรือโกง เจ้าของร้านฟ้องศาลเรียกหนี้ 1 ล้านบาท และหัวข้อข่าวดังกล่าวเป็นถ้อยคำของหนังสือพิมพ์เอง ประกอบกับข้อความในเนื้อข่าวเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งปรากฏว่าโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 เคยให้จำเลยที่ 1 ลงโฆษณา ต่อมาโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 ยกเลิก จำเลยที่ 1 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับฝ่ายโจทก์ในทางเสียหายตลอดมา ก่อนคดีนี้โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 เคยฟ้องจำเลย-ทั้งห้าในความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว 3 คดี ดังนั้นจึงถือไม่ได้ว่าการลงข่าวดังกล่าวเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.อ.มาตรา 329 (4)
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์แนวหน้าตามฟ้องหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 1 และที่ 2 โดยในเนื้อข่าวระบุชื่อโจทก์ที่ 3 ว่าเป็นกรรมการของโจทก์ที่ 1และที่ 2 นอกจากจะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 1 และที่ 2 แล้ว ยังเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ที่ 3 ผู้ถูกระบุชื่อว่าเป็นกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนดำเนินหรือปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 โจทก์ที่ 3 จึงเป็นผู้เสียหายด้วย
จำเลยที่ 3 เป็นผู้อำนวยการรับผิดชอบภาคปฏิบัติการ มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการตลาดและมีอำนาจสั่งการเกี่ยวกับนโยบายของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 5 เป็นกรรมการเป็นผู้จัดการทั่วไปของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ให้นโยบายในการบริหารของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้คัดเลือกหรือสั่งให้ลงพิมพ์หัวข้อข่าวและเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ ที่จำเลยที่ 3 และที่ 5 มีอำนาจในการให้นโยบายในการบริหารก็เป็นการบริหารของบริษัทจำเลยที่ 1 โดยทั่ว ๆไปไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 3 และที่ 5 ให้นโยบายว่า จะเสนอข่าวเกี่ยวกับหัวข้อข่าว และเนื้อข่าวหมิ่นประมาทโจทก์ คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 5 ได้ร่วมกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท

Share