แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีโจทก์ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว จากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาได้ความว่า ความเสียหายของห้องสุขาทั้ง 8 รายการ เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่จำเลยได้เช่าห้องสุขาซึ่งอยู่ภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารของโจทก์ และความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการที่จำเลยในฐานะผู้เช่าซึ่งมีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สินที่เช่าให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาเช่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่จำเลยในฐานะผู้เช่าจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่า อันเนื่องมาจากจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่า หาใช่เป็นเรื่องละเมิดไม่ แม้การที่จำเลยกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอาจจะเป็นผิดสัญญาและเป็นเรื่องละเมิดได้ในขณะเดียวกันก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างไรแล้ว เพียงแต่การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยบรรยายว่าเป็นเรื่องละเมิดและในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ก็ไม่อาจจะนำบทกฎหมายในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นเรื่องอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาเช่าและโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกำแพงเพชร จำเลยทำสัญญาเช่าห้องสุขา ซึ่งอยู่ในสถานีขนส่งดังกล่าวมีกำหนด 1 ปี เมื่อสิ้นสุดกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจำเลยครอบครองทรัพย์สินนั้นตลอดมา ต่อมาวันที่ 8 ตุลาคม 2528 โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลย เนื่องจากจำเลยมิได้ชำระค่าเช่า และในระหว่างการเช่าจำเลยโดยประมาณเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินภายในห้องสุขาสถานีขนส่งดังกล่าวเสียหายรวม 8 รายการ รวมค่าเสียหาย 5,862 บาท การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยชำระเงิน 5,862 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กระทำละเมิด โจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาเช่าเมื่อพ้นกำหนดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 5,862 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นละเมิดหรือผิดสัญญาเช่าอันจะทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คดีนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงมาว่า จำเลยได้เช่าห้องสุขา ซึ่งอยู่ภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกำแพงเพชรของโจทก์ ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าและเข้าครอบครองห้องสุขาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2528 ระหว่างสัญญาเช่า ห้องสุขาของโจทก์เสียหาย 8 รายการ ต้องซ่อมแซมคิดเป็นเงิน 5,862 บาท ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการที่จำเลยในฐานะผู้เช่าซึ่งมีหน้าที่ตามสัญญาเช่าจะต้องดูแลรักษาไม่ใช้ความระมัดระวัง เป็นการงดเว้น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาเช่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นได้ความว่า ความเสียหายของห้องสุขาทั้ง 8 รายการ เกิดขึ้นในระหว่างเวลาเช่าและฟังได้ว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องมาจากการที่จำเลยในฐานะผู้เช่าซึ่งมีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สินที่เช่าให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาเช่ากรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเห็นได้โดยชัดแจ้งว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่จำเลยในฐานะผู้เช่าจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าอันเนื่องมาจากจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่า หาใช่เป็นเรื่องละเมิดดังที่ศาลล่างทั้งสองยกขึ้นมาปรับแก่ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ แม้การที่จำเลยกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอาจจะเป็นผิดสัญญาและเป็นเรื่องละเมิดได้ในขณะเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างไรแล้ว เพียงแต่การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยบรรยายว่าเป็นเรื่องละเมิดและในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ก็ไม่อาจจะนำบทกฎหมายในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีได้ เมื่อฟังได้ว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นเรื่องอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาเช่า และข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยส่งมอบทรัพย์ที่เช่าให้โจทก์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2528 การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2529 เกินกว่า 6 เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 563 เช่นนี้คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.