แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกันต่างฝ่ายต่างฟ้อง อ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็น ที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง เป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็น ฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 8953 ร่วมกับบุคคลอื่น ๆ จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและเป็นผู้ครอบครองที่ดินติดกับที่ดินโจทก์ทางด้านใต้ โจทก์ทั้งสองได้ใช้ที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นทางเดินกว้าง 6 เมตร ยาวตลอดแนว เพื่อเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะนานประมาณ70 ปีแล้ว ทางเดินดังกล่าวจึงเป็นภารจำยอม เมื่อต้นปี พ.ศ. 2525 จำเลยทั้งสองทำรั้วปิดกั้นทางเดินไม่ให้โจทก์ใช้ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อรั้วที่ปิดกั้นทางเดินดังกล่าวให้โจทก์ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ดังเดิม
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่าทางภารจำยอมที่โจทก์อ้างความจริงกว้างเพียง 2.50 เมตร ไม่ใช่ 6 เมตร โจทก์ทั้งสองร่วมกันขยายต่อเติมบ้านของโจทก์ปิดกั้นเส้นทางภารจำยอมที่จำเลยทั้งสองใช้ออกสู่ลำคลองสาธารณะทำให้จำเลยทั้งสองเสียหายไม่สามารถใช้ทางภารจำยอมไปสู่ลำคลองสาธารณะได้ จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นเส้นทางภารจำยอม
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยใช้เส้นทางตามฟ้องแย้งและลำคลองธรรมชาติตันใช้สัญจรไปมาไม่ได้ โจทก์ไม่ได้ล้อมรั้วหรือสร้างบ้านปิดกั้นเส้นทางดังกล่าว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำฟ้องของจำเลยทั้งสองไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่รับคำฟ้องแย้งเป็นว่าไม่รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีที่ดินติดต่อกันโดยที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ทางด้านทิศเหนือ ที่ดินของจำเลยทั้งสองอยู่ทางด้านทิศใต้ ต่างฝ่ายต่างฟ้องอ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้อง ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
พิพากษายืน