คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อชีวิต แม้ในคำขอให้ลงโทษท้ายฟ้องโจทก์เพียง แต่อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 มาเท่านั้นก็ดีแต่ในคำฟ้องได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลย มาแล้วว่าจำเลยยิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกในการที่จำเลยจะลักทรัพย์และเมื่อยิงแล้วจำเลยได้ลักเอาเงิน 2,400 บาทของผู้ตายไปโดยเจตนาทุจริต และยังมีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินที่ลักไปด้วย ดังนี้ ย่อมแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่า โจทก์มุ่งประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์อยู่ด้วย จึงเป็นคดีความผิดต่อชีวิตและคดีชิงทรัพย์ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 บัญญัติให้พนักงานอัยการมีคำขอให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๑ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายทวีและนางพวง สู้ทรัพย์สามีภรรยาหลายนัด โดยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกในการที่จำเลยทั้งสองจะลักทรัพย์ของนายทวีนางพวง กระสุนปืนถูกนายทวีถึงแก่ความตายทันทีนางพวงถูกกระสุนปืนบาดเจ็บสาหัส ไม่ถึงแก่ความตาย เมื่อจำเลยทั้งสองยิงนายทวีนางพวงแล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันลักเอาเงิน ๒,๔๐๐ บาท ของนายทวีนางพวงไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลชุมแสงสงครามอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
เจ้าพนักงานได้ปลอกกระสุนปืนลูกซอง ๒ ปลอก ต่อมาจับจำเลยทั้งสองได้ ได้อาวุธปืนลูกซองยาว กระสุน ๔ นัด ปืนลูกซองสั้น กระสุน ๑ นัด ซึ่งจำเลยใช้กระทำผิด และธนบัตร ๑๐๐ บาท ซึ่งจำเลยลักไปเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙(๖), ๘๓, ๓๒, ๓๓ ริบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืนของกลางกับให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน ๒,๔๐๐ บาทแก่นางพวง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙(๖), ๘๓ ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙(๖), ๘๓ ซึ่งเป็นบทหนัก ประหารชีวิต ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ ลง ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒(๑) จำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิต อาวุธปืนปลอกกระสุนปืนริบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน ๒,๔๐๐ บาท แก่นางพวงเจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยกฟ้องเฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ คืนปืนและกระสุนปืนที่จับยึดมาได้จากจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ใช้เงินให้นางพวง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยเห็นด้วยในข้อลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาและเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ในข้อยกฟ้องโจทก์สำหรับตัวจำเลยที่ ๒ ส่วนในข้อให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ คืนเงิน ๒,๔๐๐ บาท ให้แก่นางพวงเจ้าทรัพย์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ด้วยนั้นศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ แม้ในคำขอให้ลงโทษจำเลยท้ายคำฟ้องโจทก์เพียงแต่อ้างบทมาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ ซึ่งเป็นความผิดต่อชีวิตมาเท่านั้นก็ดี แต่ในคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยมาแล้วว่าจำเลยยิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกในการที่จำเลยจะลักทรัพย์และเมื่อยิงแล้วจำเลยได้ลักเอาเงิน ๒,๔๐๐ บาทของผู้ตายและผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต และยังมีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินที่ลักไปด้วย ดังนี้ย่อมแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่า โจทก์มุ่งประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์อยู่ด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีความผิดต่อชีวิตและคดีชิงทรัพย์ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๓ บัญญัติให้พนักงานอัยการมีคำขอให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายจึงชอบแล้ว แต่ที่สั่งให้คืนเต็มจำนวน ๒,๔๐๐ บาทยังไม่ถูกต้อง เพราะได้ความว่า เจ้าพนักงานจับยึดได้ธนบัตรที่จำเลยลักไปคืนมาแล้ว ๑๐๐ บาท จึงคงเหลือเงินที่จำเลยที่ ๑ จะต้องคืนหรือใช้แทนเพียง ๒,๓๐๐ บาท
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะข้อคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นให้จำเลยที่ ๑ คืนเงิน ๒,๓๐๐ บาทให้แก่นางพวง สู่ทรัพย์ นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share