คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินและใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิแทนโดยอ้างว่าซื้อที่ พิพาทมาจากมารดาจำเลย แล้วครอบครองมา 10 ปีเศษเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าตอนที่จำเลยประกาศขอรับมฤดกมารดานั้น โจทก์ยอมให้จำเลยโอนโฉนดรับมฤดกดังนี้จึงเท่ากับโจทก์รับรองกรรมสิทธิของจำเลยและทำลายสิทธิครอบครอง ของโจทก์ก่อนวันโอนแก้โฉนดอยู่ในตัว โจทก์จึงจะต้องนำสืบให้ได้ความมั่นคงถึงเรื่องซื้อขายและเหตุที่ยอมให้จำเลยโอนรับมฤดกไป มิฉะนั้นโจทก์ก็ชนะคดีไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางนุ่มได้ขายนาพิพาทให้โจทก์กับสามีเป็นเงิน ๑๒๐ บาท โดยมิได้ทำหนังสือกัน แล้วนางพุ่มอพยพไปอยู่บ้านโป่ง โจทก์กับสามีได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา ๒๕ ปีเศษ บัดนี้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรนางนุ่มได้ลอบนำโฉนดที่พิพาทไปประกาศรับมฤดก โจทก์ทราบไปคัดค้านแต่จำเลยที่ ๑ ขอร้องไว้ว่าภายหลังจะใส่ชื่อโจทก์ในโฉนด โจทก์จึงยอมครั้นจำเลยที่ ๑ ใส่ชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแล้วไม่ยอมให้โจทก์ใส่ชื่อกลับลอบเอาไปขายจำเลยที่ ๒ จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และสั่งเพิกถอนชื่อจำเลยที่ ๑ ใสชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์จะครอบครองนารายพิพาทมากว่า ๑๐ ปีก็ดี การที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ โอนโฉนดรับมฤดกนางพุ่มในภายหลังนั้น เท่ากับเป็นการรับรองกรรมสิทธิของจำเลยที่ ๑ และทำลายสิทธิครอบครองของโจทก์ ก่อนวันโอนแก้โฉนดที่อยู่ในตัว โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความมั่นคงถึงเรื่องซื้อขาย และเหตุที่ยอมให้จำเลยที่ ๑ โอนรับมฤดกไปรวมทั้งจำเลยที่ ๒ ได้ทราบดีแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่มีแต่โจทก์รู้เรื่องดีคนเดียว พยานอื่นเป็นแต่พยานบอกเล่าจึงยังไม่พอชี้ขาดให้โจทก์ชนะคดีได้ จึ่งพิพากษายืน

Share