แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในข้อที่ว่าสามีหรือภรรยามีสินเดิมหรือไม่นั้น แม้จะได้ความว่าสินเดิมเป็นคนละชนิดกับที่โจทก์ระบุมาในฟ้องก็รับฟังได้
อ้างฎีกาที่ 886/2479
ถ้าจะหักสินสมรสใช้สินเดิม ข้อที่ว่าอะไรเป็นสินเดิมและมีราคาเท่าไรนั้นย่อมเป็นข้อสำคัญ
ย่อยาว
อัยยการเป็นโจทก์แทนเด็กฟ้องแบ่งมฤดกนางพยอมมารดาเด็ก จากจำเลยซึ่งเป็นบิดาเด็กและเป็นสามีนางพยอมมีสร้อยทองคำหนัก ๔ บาท เป็นสินเดิม ฝ่ายจำเลยไม่มีเกิดสมรส ๘๐๑๐ บาท ขอให้แบ่งมฤดกผู้ตายให้แก่บุตร์ ทั้งสามคน ละ ๑๘๐๒ บาท ๒๔ สตางค์
จำเลยต่อสู้ว่า นางพยอมไม่มีสินเดิม จำเลยมีสินเดิมฝ่ายเดียว และคดีขาดอายุความมฤดก
นายสวัสดิ์ยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นบุตร์นางพยอมขอส่วนแบ่งมฤดกด้วย
ศาลจังหวัดธัญญบุรีฟังว่าทั้งสองฝ่ายมีสินเดิม จึงพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ ระหว่างสามีภรรยา แล้วให้แบ่งมฤดกนางพยอมเป็น ๗ ส่วน ให้แก่โจทก์และผู้ร้องคนละส่วน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่านางพยอมมีสร้อยตามฟ้อง ที่พะยานว่านางพยอมมีต่างหูเข็มขัดและแหวนนั้นไม่ตรงกับประเด็นที่ฟ้อง ที่อ้างว่านางพยอมมีสินเดิมจึงฟังไม่ได้แต่จำเลยมีสินเดิม นางพยอมจึงไม่มีส่วนในสมรส จึงไม่มีมฤดก พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ เพราะประเด็นโต้เถียงระหว่างโจทก์จำเลยมีว่านางพยอมมีสินเดิมหรือไม่ ไม่ใช่ว่านางพยอมมีอะไรเป็นสินเดิมจริงอยู่ในการกะหักสมรสใช้สินเดิม ข้อที่ว่าอะไรเป็นสินเดิมราคาเท่าใดย่อมเป็นข้อสำคัญ แต่การแบ่งสมรสข้อสำคัญมีเพียงว่ามีสินเดิมหรือไม่เท่านั้น ส่วนจะเป็นชนิดที่โจทก์ระบุไว้หรือไม่ไม่สำคัญ จึงให้ยกคำตัดสินศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่