แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทกล่าวว่า “จำเลยสมคบกันกะทำผิดกดหมาย คือจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 5 ซึ่งได้ถูกจำเลยไนคดีดำที่ 115/2486 ของสาลมนทลทหารบก (กะบี่) จับตัวหาว่าเล่นการพนันโปปั่น และจำเลยที่ 6 ได้ขอไห้สินบนรวมทั้งสิ้น เปนเงิน 94 บาท ฯลฯ” ดังนี้เปนฟ้องที่หาว่าจำเลยสมคบกันกะทำผิด.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่า “จำเลยไนคดีนี้บังอาดร่วมสมคบกันกะทำผิดกดหมายคือจำเลยที่ ๑ ถึงจำเลยที่ ๕ ซึ่งได้ถูกจำเลยไนคดีดำที่ ๑๑๓/๒๔๘๖ ของสาลมนทลทหารบกที่ ๖ (กะบี่) จับตัวหาว่าเล่นการพนันโปปั่น และจำเลยที่ + ได้ขอไห้สินบนรวมทั้งสิ้นเปนเงิน ๙๔ บาท ฯลฯ”
จำเลยที่ ๑ ถึง ๕ ไห้การรับสารภาพทว่าได้ไห้เงินสินบนจิงดังฟ้อง จำเลยที่ ๖ ไห้การปฏิเสธและต่อมาจำเลยที่ ๖ ตายเสียระหว่างอุธรน์
สาลชั้นต้นเห็นว่าตามฟ้องได้ความเพียงว่าจำเลยที่ ๖ เท่านั้นเปนผู้ไห้สินบน ไม่ปรากตว่าจำเลยที่ ๑ ถึง ๕ ได้สมคบด้วย ขาดการบันยายการกพทำอันเปนองค์ความผิด ส่วนจำเลยที่ ๖ หลักถานโจทไม่พอจะลงโทสพิพากสายกฟ้อง
สาลอุธรน์เห็นว่า ฟ้องโจทได้ยันยายการกะทำผิดของจำเลยที่ ๑ ถึง ๕ ไว้ครบถ้วนชอบด้วยกดหมายแล้วพิพากสายกคำพิพากสาสาลชั้นต้นไต่สวน ไห้สาลชั้นต้นวินิฉัยข้อเท็ดจิงต่อไป แล้วพิพากสาไหม่
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามฟ้องของโจทกล่าวหาว่าจำเลยที่ ๑ ถึง ๕ และจำเลยที่ ๖ ได้ขอไห้สินบนโดยสมคบกันกะทำผิดหาไช่ว่า จำเลยที่ ๖ ผู้เดียวเปนผู้ไห้สินบนไม่ โจทได้กล่าวหาและยันยายการกะทำผิดของทจำเลยี่ ๑ ถึงที่ ๕ ไว้แล้ว จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.