แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เพียงแต่สันนิษฐานตามท้องสำนวนว่าผู้ตายอาจตายเพราะอาการป่วยอย่างอื่น เช่นนี้ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินสำนวน
เมื่อเห็นผู้ตายชุลมุนกับเพื่อนของตนก็ส่งมีดให้จำเลยอีกคนหนึ่งจำเลยคนนั้นก็โดดเข้าแทงผู้ตาย ดังนี้ได้ชื่อว่าสมคบในการทำร้ายรายนี้
พอเพื่อนของตนถูกผู้ตายเตะ จำเลยก็ลุกขึ้นก่อนผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี้มันเก่งเอาให้ตาย และต่อไปได้ความว่าเมื่อจำเลยอีกคนหนึ่งเข้าไปแทง ผู้ตายดิ้นจะให้หลุดก็ไม่ยอมปล่อยจนจำเลยอีกคนหนึ่งได้แทงผู้ตายถึง 4 ทีจึงได้ปล่อย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้มีดแทงนายเคลือตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมกลับรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายเจ๊กจำเลยผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 254 ให้จำคุก 18 เดือน ลดฐานรับสารภาพ 1 ใน 3 คงจำคุกนายเจ๊ก 12 เดือนให้ยกฟ้องเฉพาะนายสีนวน นายชุ่มจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายสีนวนนายชุ่ม จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 254 ให้จำคุกคนละ 1 ปี นอกจากที่แก้นี้คงยืน
โจทก์และนายสีนวนและนายชุ่มฎีกา แต่สำหรับฎีกาโจทก์นั้นศาลชั้นต้นคงสั่งรับข้อเดียวเฉพาะในข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาข้อเท็จจริงเกินสำนวนหรือไม่เท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ตายอาจตายเพราะอาการป่วยอย่างอื่นเป็นการสันนิษฐานตามท้องสำนวนนั้นเองไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินสำนวน
เมื่อคดีได้ความว่านายสีนวนส่งมีดให้นายเจ๊กจำเลย ๆ ก็โดดเข้าแทงนายเคลือบดังนี้แสดงว่านายสีนวนได้สมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย ส่วนนายชุ่มได้ความว่าพอนายสีนวนถูกผู้ตายเตะก็ลุกขึ้นกอดผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี่มันเก่งเอาให้ตาย และได้ความต่อไปว่าเมื่อนายเจ๊กจำเลยเข้าไปแทงผู้ตาย ๆ ดิ้นจะให้หลุดแต่นายชุ่มจำเลยไม่ยอมปล่อยจนนายเจ๊กจำเลยแทงผู้ตายถึง 4 ทีจึงได้ปล่อย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่านายชุ่มจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย พิพากษายืน