คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062-1065/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยให้การว่าคำสั่งของนายอำเภอไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด
เมื่อศาลเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมาแล้ว ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลก็ไม่จำต้องฟังคำพยานจำเลยต่อไป

ย่อยาว

คดีทั้ง 4 สำนวน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ตัดฟันทำลายไม้หวงห้ามทำให้เสียหายทำลายทรัพย์อันใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่า ที่นาเป็นของจำเลย คำสั่งของนายอำเภอไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลแขวงสุรินทร์ไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูล พนักงานอัยการเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ จึงสั่งไม่ฟ้อง

ศาลแขวงสุรินทร์สืบพยานโจทก์แล้วสั่งงดสืบพยานจำเลยและพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อที่ศาลแขวงสั่งงดสืบพยานจำเลยและคำสั่งของนายอำเภอชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าคำสั่งของนายอำเภอเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและจำเลยได้อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นข้อต่อสู้แล้ว ก็จะว่าจำเลยให้การปฏิเสธมิได้กระทำผิดนั่นเอง จึงเป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดว่า จำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง แต่คดีนี้เมื่อศาลได้ฟังคำพยานโจทก์จนสิ้นกระแสร์ความแล้วเห็นว่า หลักฐานพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ก็ไม่จำต้องฟังพยานจำเลยต่อไป

พิพากษายืน

Share