คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า ในขณะที่โจทก์ผู้เช่าอ้างว่าได้เสียเงินกินเปล่าให้จำเลยผู้ให้เช่าไปนั้น. โจทก์ผู้เช่ากำลังเช่าห้องพิพาทอยู่แล้ว. ไม่ได้มีการก่อสร้างห้องเช่าใหม่. ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเงินช่วยค่าก่อสร้าง.การเช่าระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นการเช่ากันอย่างธรรมดา.การที่ผู้เช่าเสียเงินกินเปล่าให้แก่ผู้ให้เช่าในลักษณะเช่นนี้เพียงแต่ให้โจทก์ผู้เช่ามีสิทธิอยู่ในห้องเช่าต่อไปเท่านั้น. จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา. เมื่อไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างอื่นดังกล่าวแล้ว. โจทก์จะนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าให้โจทก์อยู่ในห้องเช่าต่อไปอีก 3 ปีหาได้ไม่.เพราะการฟ้องคดีนี้โจทก์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายจำเลยผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ. จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538.
โจทก์ตกลงยอมเสียเงินกินเปล่า 120,000 บาท ให้จำเลยเพื่อสิทธิที่โจทก์จะได้เช่าห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2506. ในการที่โจทก์ได้จ่ายเงินกินเปล่าล่วงหน้า 40,000 บาท ให้จำเลยไป. ความปรากฏในสำนวนว่าโจทก์ได้อยู่ในห้องเช่าตลอดมานับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2506 เกินกว่า 1 ปีแล้ว. เมื่อเทียบตามส่วนกับจำนวนเงินกินเปล่าที่โจทก์เสียไปเห็นได้ชัดว่าโจทก์ได้รับประโยชน์คุ้มกันกับเงินกินเปล่าที่โจทก์เสียไปแล้ว. โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกเงินกินเปล่า 40,000 บาทนี้คืนจากจำเลยไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าตึกเลขที่ 330 จากจำเลยโดยทำหนังสือกันคราวละ 3 ปี ครั้งหลังสุดครบกำหนด 1 มกราคม 2504 โจทก์ครอบครองตึกเช่าตลอดมาโดยจำเลยไม่ทักท้วง ก่อนฟ้องสัก 1 ปี ตัวแทนจำเลยแจ้งโจทก์ว่าถ้าโจทก์ประสงค์จะทำหนังสือสัญญาเช่าต่อไปอีก 3 ปีนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2506 โจทก์ต้องเสียเงินกินเปล่าให้จำเลย120,000 บาท โจทก์ตกลงและมอบเงินให้ตัวแทนจำเลยไป 40,000 บาทส่วนอีก 80,000 บาท จะชำระเมื่อทำสัญญา จำเลยไม่ยอมทำสัญญาขอให้ศาลบังคับถ้าไม่อาจบังคับได้ก็ให้จำเลยคืนเงิน 40,000 บาท จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ฯลฯ ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ และฟ้องแย้งจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ในข้อที่โจทก์อ้างว่าได้เสียเงินกินเปล่าให้แก่จำเลยผู้ให้เช่าไปเป็นสัญญาต่างตอบแทนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ได้บรรยายชัดว่าในขณะที่โจทก์ผู้เช่าอ้างว่าได้เสียเงินกินเปล่า40,000 บาทให้จำเลยผู้ให้เช่าไปนั้น โจทก์ผู้เช่ากำลังเช่าห้องพิพาทนี้อยู่แล้ว ไม่ได้มีการก่อสร้างห้องเช่าขึ้นใหม่จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเงินช่วยค่าก่อสร้าง การเช่าระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นการเช่ากันอย่างธรรมดา การที่ผู้เช่าเสียเงินกินเปล่าให้แก่ผู้ให้เช่าในลักษณะเช่นนี้เพียงแต่ให้โจทก์ผู้เช่ามีสิทธิอยู่ในห้องเช่าต่อไปเท่านั้น จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างอื่นดังกล่าวแล้วโจทก์จะนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าให้โจทก์อยู่ในห้องเช่าต่อไปอีก 3 ปีหาได้ไม่ เพราะการฟ้องคดีนี้โจทก์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายจำเลยผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 แม้คดีนี้จะได้ความว่าโจทก์ได้เสียเงินกินเปล่าไปแล้วก็ดี ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิดีขึ้นไม่ กรณีเช่นนี้หากศาลจะยอมรับบังคับให้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันได้ บทบัญญัติของมาตรา 538 ที่บังคับให้ผู้เช่าและผู้ให้เช่าปฏิบัติในเวลาตกลงเช่ากันย่อมไร้ผลส่วนคำขอของโจทก์อีกข้อหนึ่งที่ว่าถ้าศาลไม่อาจบังคับให้จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินกินเปล่า 40,000 บาทให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ตกลงยอมเสียเงินกินเปล่า120,000 บาท ให้จำเลยเพื่อสิทธิที่โจทก์จะได้เช่าห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2506 ในการที่โจทก์ได้จ่ายเงินกินเปล่าล่วงหน้า 40,000 บาท ให้จำเลยไป ความปรากฏในสำนวนว่าโจทก์ได้อยู่ในห้องเช่าตลอดมานับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2506 เกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อเทียบตามส่วนกับจำนวนเงินกินเปล่าที่โจทก์เสียไป เห็นได้ชัดว่าโจทก์ได้รับประโยชน์คุ้มกันกับเงินกินเปล่าที่โจทก์เสียไปแล้ว โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกเงินกินเปล่า40,000 บาทนี้คืนจากจำเลยไม่ พิพากษายืน.

Share