คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าบ้านเขาอยุ่โดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันไว้ ครั้นเจ้าของบ้านขายบ้านนั้นให้ผู้อื่นไป ผู้ซื้อคนใหม่ให้ผุ้เช่าออกจากบ้านเช่า ผู้เช่าก็ไม่ยอมออก ผู้ซื้อจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้สมคบกับเจ้าของบ้านคนเดิมทำหนังสือสัญญาเช่าขึ้น 1 ฉะบับแล้วผู้เช่าเอามาอ้างเป็นพยานต่อศาลดังนี้ ถือว่ายังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ แต่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 157 ( อ้างฎีกาที่ 654/2480 )

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือ และทำหลักฐานเท็จ ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิด ฐานกระทำพยานเท็จ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๕๗ ฯลฯ
โจทก์,และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่าก่อนโจทก์จะซื้อที่ดินและห้องแถว จากจำเลยที่ ๒ โจทก์รู้เห็นอยู่ว่าจำเลยที่ ๑ เช่าอยู่ โจทก์จะซื้อเพื่ออยู่เอง จึงถามจำเลยที่ ๒ ว่าจำเลยที่ ๒ ว่าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าโจทก์ถามจำเลยที่ ๑ ๆ ก็ว่า ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าโจทก์จึงได้ซื้อที่ดินและห้องแถวจากจำเลยที่ ๒ ราคา ๗,๐๐๐ บาท ซื้อแล้วบอกให้จำเลยที่ ๑ ออกจากห้องจำเลยที่ ๑ ไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่ ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญาเช่าลงวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๔ ส่งอ้างต่อศาล โจทก์จำทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ ๑ โดยเข้าในว่าเป็นหนังสือสัญญาเช่าที่แท้จริง แต่ภายหลังได้ความว่า จำเลยทั้งสองเพิ่งทำหนังสือสัญญาเช่าขั้น เพื่อนำไปอ้างเป็นพยานศาล จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ส่วนความผิดฐานปลอมหนังสือ นั้น พอเทียบเคียงกับคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๔/๒๔๘๐ ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันทำหนังสือสัญญากู้ขึ้น โดยความจริงไม่ได้ให้เงินกัน ไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ การกระทำของจำเลยในคดีนี้ จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
คงพิพากษายืน+

Share