คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 รับจดทะเบียนรถยนต์โดยความประมาทเลินเล่อก่อนที่โจทก์จะตกลงซื้อรถยนต์ โจทก์ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีหมายเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับใบคู่มือการจดทะเบียนจึงน่าจะจัดการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนที่จะตกลงซื้อ ดังนั้นหากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตามสมควรก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายได้ โจทก์จึงเป็นฝ่ายกระทำโดยความประมาทเลินเล่อในภายหลัง ความประมาทเลินเล่อของโจทก์ใกล้ชิดกับเหตุ ความเสียหายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่ตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์ของรถยนต์ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะรับจดทะเบียน และออกเอกสารการจดทะเบียนให้แก่ผู้ขอจดทะเบียน โจทก์จึงเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถซื้อขายและจดทะเบียนตามกฎหมายได้ ถือว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กระทำละเมิดต่อโจทก์ และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระเงินจำนวน 278,121.09 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันให้การว่า เหตุคดีนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 แต่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ารถยนต์มีหมายเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับใบคู่มือการจดทะเบียน น่าจะจัดการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนก่อนที่จะตกลงซื้อจากนายสมัคร โจทก์อยู่ในวงการค้าขายรถยนต์มานานนับ 10 ปี ควรจะมีความระมัดระวังให้มาก จะอ้างแต่เพียงว่าตกลงซื้อ เพราะเห็นว่าตัวเลขเครื่องยนต์ในใบคู่มือการจดทะเบียนตกไปเพียงตัวเดียวสามารถแก้ไขได้ และเพราะเหตุทีจำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 รับจดทะเบียนรถยนต์ไว้แล้วหาได้ไม่ โจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่มากในการรับซื้อรถยนต์จากนายสมัคร แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7รับจดทะเบียนรถยนต์โดยความประมาทเลินเล่อ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จะตกลงซื้อรถยนต์เป็นเวลานาน ไม่เป็นเหตุใกล้ชิดที่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ หากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตามสมควรก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายได้ โจทก์เป็นฝ่ายที่กระทำโดยความประมาทเลินเล่อในภายหลัง ความประมาทเลินเล่อของโจทก์ใกล้ชิดกับเหตุ ความเสียหายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง ดังนั้น โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งเจ็ด
พิพากษายืน

Share