คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้เรียกนายตำรวจผู้หนึ่งมาเป็นพยานของศาลเพราะปรากฏตามหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายตำรวจผู้นั้น ก็เฉพาะเหตุที่นายตำรวจผู้นั้นไปร่วมอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย โจทก์ก็ได้สืบเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบกับบันทึกการจับกุมไว้แล้วการที่สืบนายตำรวจเป็นพยานของศาลจึงมิใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย เป็นลักษณะที่ให้ความยุติธรรมแก่จำเลยจึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งตาม พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 มาตรา 6 จำคุก 7 ปี 6เดือน คำรับมีประโยชน์แก่การพิจารณาลดกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 59 คงจำคุก3 ปี 9 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นเรียกนายพันตำรวจตรีตรึกมาเป็นพยานศาล ย่อมกระทำได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 228 เพราะหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายพันตำรวจตรีตรึก เฉพาะเหตุที่นายพันตำรวจตรีตรึกไปอยู่ร่วมในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย เหตุการณ์ตอนนี้โจทก์ได้สืบนายสิบตำรวจโทประวีประกอบกับบันทึกในการจับกุมที่อ้างไว้แล้ว การสืบนายพันตำรวจตรีตรึก จึงไม่ใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย เป็นลักษณะที่ให้ความยุติธรรมแก่จำเลยเอง จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

พิพากษายืน

Share