คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนโดยทำร้ายผู้เสียหาย 3 คน ในคดีเดียวกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้อง คงลงโทษจำเลยที่ 1-2 ฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คนถึงสาหัส มีกำหนดโทษจำคุก 7 ปี คู่ความย่อมฎีกาข้อเท็จจริงในความผิดฐานฆ่าคนได้ เมื่อฎีกาข้อเท็จจริงได้แล้ว ข้อหาว่าจำเลยพยายามฆ่านายแต้ม ซึ่งเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งในคดี โจทก์ย่อมฎีกาได้ด้วย แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยมิได้ใช้ปื่นยิงอันเป็นการพยายามฆ่านายแต้มก็ดีแต่ศาลหาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้โทษและแก้บท โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกที่หลบหนี สมคบกันฟันแทงยิงทำร้ายนายครวญ นายพรหม นายแต้ม โดยเจตนาฆ่า จนนายครวญถึงแก่ความตาย นายพรหมบาดเจ็บสาหัส นายแต้มถึงบาดเจ็บ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามคนละ++ฐานสมคบกันทำร้ายร่างกายนายครวญ นายพรหม บาดเจ็บสาหัส เพราะฟังไม่ได้ว่านายครวญถึงตายเพราะการกระทำของจำเลยคนใด ส่วนข้อที่โจทก์นำสืบว่านายวุ่นจำเลยใช้ปืนยิงนายแต้ม นั้น โจทก์นำสืบไม่ชัด จึงฟังไม่ได้ว่านายวุ่นจำเลยหรือจำเลยอื่นได้พยายามฆ่านายแต้มหรือทำร้ายร่างกายนายแต้มแต่ประการใด
โจทก์ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า หลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่านายวุ่นใช้ปืนยิงนายแต้ม แต่ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามทำร้ายนายครวญ นายพรหม จริง แต่มิได้ร่วมกันกระทำผิด ต่างคนต่างรับผิดโดยนายมีผิดฐานทำร้ายนายครวญสาหัส นายมูลผิดฐานทำร้ายนายพรหมสาหัส จำคุกคนละ ๗ ปี นายวุ่นผิดฐานทำร้ายนายพรหมบาดเจ็บ จำคุก ๒ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อัยการโจทก์และนายมี นายมูล จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานฆ่าคนตายและพยายามฆ่าคน โดยทำร้ายผู้เสียหาย ๓ คน ในคดีเดียวกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้อง คงลงโทษนายมี นายมูล จำเลยฐานทำร้ายร่างกายสาหัส มีกำหนดโทษจำคุกเกิน ๕ ปี คู่ความย่อมฎีกาข้อเท็จจริงในความผิดฐานฆ่าคนตายได้ เมื่อคดีเรื่องนี้ฎีกาข้อเท็จจริงได้แล้ว ข้อหาว่าจำเลยพยายามฆ่านายแต้ม ซึ่งเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งในคดี
โจทก์ย่อมฎีกาได้ด้วย แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยมิได้ใช้ปืนยิงอันเป็นการพยายามฆ่านายแต้มก็ดี แต่ศาลหาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ส่วนข้อหาเฉพาะตัวนายวุ่นจำเลยซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นจากโทษจำคุก ๗ ปี เหลือ ๒ ปี และแก้บทด้วยเช่นนี้ เป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share