แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ซึ่งเป็นบิดาโดยใช้คำว่ามึงกู เป็นคำหยาบไม่ให้ความเคารพโจทก์ ส่วนข้อความที่ว่า “ถ้ากูไม่ช่วยมึง มึงติดคุกไปนานแล้ว” เป็นการกล่าวเพื่อลำเลิกบุญคุณ ที่จำเลยเคยช่วยเหลือโจทก์ในอดีตเท่านั้น หาใช่เจตนาทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงไม่ คำกล่าวนี้ยังไม่ถึงขนาดที่จะพอฟังได้ว่า จำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 169085 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา คืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ถอนคืนการให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 169085 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย โจทก์ยกที่ดินโฉนดเลขที่ 169085 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่จำเลยโดยเสน่หา
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำว่า “ถ้ากูไม่ช่วยมึง มึงติดคุกไปตั้งนานแล้ว” หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า นางสาวเนตรนภาและนายพิศาลมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ส่วนนายเจษฎา เป็นลูกจ้างและหลานนายพิศาลย่อมเบิกความเข้าข้างโจทก์ พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังนั้น เห็นว่า การที่พยานเป็นญาติกันหรือมีเหตุโกรธเคืองกันจนอาจมีการเบิกความช่วยเหลือกันได้ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ข้อที่บ่งชี้ให้เห็นว่าพยานเหล่านั้นเบิกความไม่เป็นความจริง เมื่อพยานแต่ละปากเบิกความได้สอดคล้องต้องกันกับโจทก์ โดยไม่ปรากฏเหตุผลใดที่จะต้องปรักปรำให้ร้ายจำเลยแล้ว คำเบิกความของพยานย่อมมีน้ำหนักให้รับฟัง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำคำเบิกความของพยานมารับฟังประกอบคำเบิกความของโจทก์ แล้วเชื่อว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าวนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาว่า ถ้อยคำดังกล่าวไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์นั้น เมื่อพิจารณาถ้อยคำดังกล่าวที่จำเลยผู้เป็นบุตรกล่าวต่อโจทก์ผู้เป็นบิดาโดยใช้คำว่ามึงกูนั้น เป็นคำหยาบไม่ให้ความเคารพโจทก์ซึ่งเป็นบิดา ส่วนข้อความที่ว่า “ถ้ากูไม่ช่วยมึง มึงติดคุกไปนานแล้ว” นั้น เป็นการกล่าวเพื่อลำเลิกบุญคุณ ที่จำเลยเคยช่วยเหลือโจทก์ในอดีตเท่านั้น หาใช่เจตนาทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงไม่ คำกล่าวนี้ยังไม่ถึงขนาดที่จะพอฟังได้ว่า จำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) และคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ