แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องโดยระบุว่าโจทก์จำเลยได้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่อะไร ประจำงวดใด และได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลขณะที่โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายและอ้างเหตุจำเป็นในการที่โจทก์ขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่จำเลยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ผู้เดียวเอาไว้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว ส่วนการที่โจทก์จำเลยจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไหนจากใคร เป็นเพียงรายละเอียดที่สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ และจำเลยเองก็เข้าใจข้อหาโจทก์ดีสามารถต่อสู้คดีโจทก์ได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม แม้ภรรยาเดิมของจำเลยจะฟ้องเพิกถอนการหย่า และศาลมีคำพิพากษาตามยอมให้เพิกถอนการจดทะเบียนหย่าแล้วก็ตาม แต่เป็นการทำภายหลังจากที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519มาตรา 1496 ประกอบด้วยมาตรา 1452 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จำเลยใช้เงินของจำเลยซื้อสลากกินแบ่งฯ ก่อนสมรสกับโจทก์สลากกินแบ่งฯ ออกรางวัลหลังจากที่โจทก์จำเลยสมรสกันแล้ว และถูกรางวัล เงินรางวัลที่จำเลยได้รับมาจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลระหว่างสมรสถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสย่อมเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 มาตรา 1474(1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 มาตรา 1485 บัญญัติว่าสามีหรือภริยาอาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาก่อนสมรสกันไว้ เงินรางวัลที่เหลือฝากในธนาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินสมรส โจทก์จำเลยย่อมเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันอยู่แล้วกรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่โจทก์จะเป็นผู้จัดการเงินรางวัลดังกล่าวเพียงผู้เดียวแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์จำเลยได้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและถูกรางวัลที่ 1ได้รับรางวัลเป็นเงินทั้งสิ้น 12,000,000 บาท ฉะนั้นเงินดังกล่าวจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลย และเป็นสินสมรสที่โจทก์จำเลยต้องร่วมกันจัดการ จำเลยฉวยโอกาสโดยพลการยักย้ายเงินรางวัลตลอดจนจำหน่ายจ่ายโอนและยกให้โดยเสน่หาแก่ผู้มีชื่ออื่น ๆ เป็นจำนวนมากเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียวโดยปราศจากความยินยอมจากโจทก์และการยกให้ดังกล่าวมิได้เป็นไปตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือทางสมาคม ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์พยายามห้ามปรามและขอร้องให้จำเลยระงับการจัดการเงินรางวัลไว้พลางก่อน จำเลยก็ไม่ยอมและถือเป็นสาเหตุโกรธเคือง ทำให้เกิดมีข้อพิพาทบาดหมางระหว่างกันบ่อยครั้งเรื่อยมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไป ขอให้บังคับจำเลยโดยให้โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการเงินที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวซึ่งเป็นสินสมรสและห้ามจำเลยเป็นผู้จัดการต่อไป หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและสลากกินแบ่งรัฐบาลรายพิพาท จำเลยก็เป็นผู้ซื้อมาแต่ลำพังผู้เดียวก่อนวันจดทะเบียนสมรสกับโจทก์โดยโจทก์ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือเงินรางวัลจึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่มีอยู่ก่อนสมรส จำเลยย่อมมีสิทธิจัดการได้ ทั้งได้นำเงินรางวัลไปแจกจ่ายให้บิดามารดาผู้มีอุปการะคุณและทำบุญบ้าง ส่วนที่เหลือฝากไว้ในธนาคารในนามของจำเลย โดยโจทก์เองไม่เคยทักท้วงเรื่องนี้และการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์จำเลยก็เป็นโมฆะเพราะขณะนั้นจำเลยมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว จำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์เนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางชู้สาว และโจทก์ได้ติดตามขู่เข็ญเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจำนวน 500,000 บาทหรือให้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ มิฉะนั้นจะร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา จำเลยเกรงกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงและไม่มีเงิน จึงได้ยอมจดทะเบียนสมรสให้โจทก์โดยตกลงว่า หากจำเลยมีเงินชดใช้ค่าเสียหายให้แล้ว โจทก์จะจดทะเบียนหย่าให้ ครั้นจำเลยถูกรางวัลที่หนึ่งสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 500,000 บาท แต่โจทก์ผิดข้อตกลงไม่ยอมจดทะเบียนหย่าให้จำเลย และกลับเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จำเลยไม่ยินยอม โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลโดยไม่สุจริตขอให้ยกฟ้องและมีคำพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะไม่มีผลตามกฎหมาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ก่อนจดทะเบียนสมรสกับจำเลย จำเลยได้หย่าขาดกับภรรยาเก่าผู้มีชื่อไปแล้ว จึงได้ชอบพอรักใคร่กับโจทก์และยินยอมเป็นสามีของโจทก์โดยเปิดเผยปราศจากการข่มขู่ใด ๆทั้งสิ้น โจทก์ไม่เคยขอความช่วยเหลือและไม่เคยข่มขู่เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยยอมให้โจทก์จัดการทรัพย์สินสมรสเฉพาะเงินที่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตามฟ้องแต่เพียงลำพังผู้เดียวจำนวน 3,000,000 บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อแรกที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยอ้างว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ละเอียดว่าโจทก์ได้ร่วมกับจำเลยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไหน จากผู้ใด ซื้อเมื่อวันที่อะไร ก่อนหรือหลังวันจดทะเบียนสมรส โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้เลือกหมายเลขสลาก โจทก์จำเลยจ่ายค่าซื้อสลากคนละเท่าใด จึงทำให้จำเลยไม่อาจเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ถูกต้องยากแก่การยื่นคำให้การต่อสู้คดี ทั้งคำฟ้องว่าเงินรางวัลที่จำเลยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสินสมรสที่โจทก์จะต้องร่วมกันจัดการ แต่คำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอเป็นผู้จัดการเงินสินสมรสเพียงผู้เดียว ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องซึ่งเป็นการขัดแย้งกันเกี่ยวกับคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้อง เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2531 โจทก์จำเลยได้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลประจำงวดวันที่ 1 ตุลาคม 2531 หมายเลข 1105967 ทั้งชุดรวม 4 ฉบับและถูกรางวัลที่ 1 ได้รับรางวัลเป็นเงินทั้งสิ้น 12,000,000 บาทฉะนั้นเงินดังกล่าวจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลย และเป็นสินสมรสที่โจทก์จำเลยต้องจัดการร่วมกัน แต่ปรากฏว่าจำเลยจัดการเงินสมรสดังกล่าวไปในทางที่เสียหาย จึงให้ศาลบังคับจำเลยให้โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการเงินที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว ดังนั้นฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว โดยระบุว่าโจทก์จำเลยได้ร่วมกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่อะไร ประจำงวดใด และได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลขณะที่โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย และอ้างเหตุจำเป็นในการที่โจทก์ขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่จำเลยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ผู้เดียวเอาไว้ ส่วนการที่โจทก์จำเลยจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไหนจากใคร เป็นเพียงรายละเอียดที่สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ และจำเลยเองก็เข้าใจข้อหาโจทก์ดีสามารถต่อสู้คดีโจทก์ได้ถูกต้องทุกประการ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ปัญหาข้อที่สองที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าที่นางสุจินดามาฟ้องเพิกถอนการหย่าเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2532และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เพิกถอนการจดทะเบียนหย่าซึ่งศาลจังหวัดนนทบุรีก็ให้เพิกถอนการหย่าไปแล้ว เป็นการทำภายหลังที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้วพฤติการณ์ของนางสุจินดากับจำเลยที่กระทำดังกล่าวไม่อาจฟังได้ว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519มาตรา 1496 ประกอบด้วยมาตรา 1452 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
ปัญหาข้อที่สามตามฎีกาของจำเลยมีว่า เงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์รับว่าก่อนที่โจทก์จำเลยจะจดทะเบียนสมรสกันประมาณกลางเดือนกันยายน 2531 โจทก์จำเลยไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ จำเลยใช้เงินของจำเลยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 3 ชุด ๆ ละ 88 บาท ซึ่งจะออกรางวัลประจำงวดวันที่ 1 ตุลาคม2531 ดังนั้นสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งสามชุด จึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยเพราะเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ก่อนสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519มาตรา 1471(1) ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2531 โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ครั้นถึงวันที่ 1ตุลาคม 2531 สลากกินแบ่งรัฐบาลเลขที่ 1105967 ซึ่งจำเลยซื้อมาดังกล่าว ถูกรางวัลที่ 1 และจำเลยได้รับเงินรางวัลจำนวน 12 ล้านบาทมาระหว่างสมรส เงินรางวัลที่จำเลยได้รับมาจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสย่อมเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 มาตรา 1474(1)
ปัญหาสุดท้ายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์สมควรเป็นผู้จัดการสินสมรสคนเดียวหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเพียงผู้เดียวนี้เป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 1485 ที่บัญญัติว่า สามีหรือภริยาอาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป แต่การที่โจทก์จะขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเพียงผู้เดียวนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้จัดการเกี่ยวกับเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลไปในทางเสียหายแต่อย่างใด จำเลยได้ใช้จ่ายให้ญาติพี่น้องและบิดามารดาของจำเลยเพราะจำเลยเป็นหนี้มาก่อนเงินที่เหลือก็ฝากธนาคารไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามอินทรา จำนวน 6,000,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของสินสมรส โจทก์จำเลยย่อมเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันอยู่แล้วเพราะไม่ปรากฏว่ามีการทำสัญญาก่อนสมรสเอาไว้ ตามนัยมาตรา 1476แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 กรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่โจทก์จะเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลอันเป็นสินสมรสที่จำเลยฝากไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามอินทรา เพียงผู้เดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์