แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเรียกพะยานมาเบิกความใหม่ในชั้นศาลอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความมีโทษ ม.31 นั้นมิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลอุทธรณ์จำต้องเรียกพะยานมาเบิกความใหม่เสมอไป อยู่ในดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์จะพิจารณา ตามเหตุผลอันควรเป็นเรื่อง ๆ ไป ฎีกาอุทธรณ์ ดุลยพินิจ ศาลล่างพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องคดีอาชญา โจทก์จะฎีกาในข้อดุลยพินิจไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาชญามาตรา ๓๐๔-๓๑๕-๑๕๗
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลอุทธรณ์ไม่สั่งให้เรียก ช.พะยานโจทก์มาเบิกความใหม่นั้นยังไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความมีโทษ ร.ศ.๑๑๕ ม.๓๑
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง แม้ศาลอุทธรณ์จะมีอำนาจเรียกพะยานที่เบิกความในชั้นศาลเดิมแล้วมาสืบอีกครั้งหนึ่งได้ดี แต่มิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลอุทธรณ์จำต้องเรียกพะยานมาสืบใหม่เสมอไป ต้องพิเคราะห์ตามเหตุว่าจะสมควรเรียกมาสืบใหม่หรือไม่สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อที่โจทก์อ้าง ช.เป็นพะยานใหม่นั้นปรากฎในท้ายคำเบิกความของ ช.ว่าโจทก์ไม่ติดใจถามพะยานต่อไป ทั้งโจทก์มิได้ร้องขอให้ศาลจัดการอย่างไร เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้โจทก์กลับมาร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้เรียก ช.มาเบิกความใหม่อีกดังนี้ เห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจไม่เรียก ช.มาสืบใหม่ โจทก์จะฎีกาในข้อดุลยพินิจนี้ไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง