แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันจัดทำเอกสารพิมพ์โรเนียวออกแจกจ่ายมีข้อความว่า โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีเมืองขอนแก่น 2 ปีเศษ โจทก์บริหารงานบกพร่องเป็นการเสียหายแก่เทศบาลเมืองขอนแก่นมากมาย ซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าว ณ ที่นี้ จนสมาชิกฝ่ายสนับสนุนไม่อาจอยู่ร่วมได้ต้องลาออกไป และเทศมนตรี 2 คนก็ต้องลาออกไปด้วยจนเหลือแต่โจทก์คนเดียว นั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันโฆษณาใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังอันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328แล้ว
แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ก็ตาม ก็ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอยู่นั่นเองว่าเป็นเรื่องที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือไม่ กรณีจึงเข้าเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329จึงต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันจัดทำเอกสารพิมพ์อัดโรเนียวจำนวนมาก เป็นแถลงการณ์ของคณะเทศมนตรีเมืองขอนแก่น มีข้อความว่า”นายวิญญู เสนาวงษ์ เป็นนายกเทศมนตรี บริหารงานมาเป็นเวลา ๒ ปีเศษปรากฏว่าการบริหารงานมีข้อบกพร่องหลายสิ่งหลายประการซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าวณ ที่นี้ จนในที่สุดสมาชิกผู้สนับสนุนคณะแก่นสายกลางจำนวน ๖ คน ได้ลาออกจากคณะแก่นสายกลาง และในระยะต่อมาเทศมนตรีทั้งสองคนก็ลาออก” ต่อมาเจ้าหน้าที่เทศบาลได้นำคำแถลงการณ์ดังกล่าวออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และใช้รถโฆษณาคำแถลงการณ์นั้นตามคำสั่งของจำเลย การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ทำให้ประชาชนเกิดการดูหมิ่นเกลียดชังและเสื่อมความเลื่อมใสศรัทธาในตัวโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘, ๘๓
ถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดสืบพยานโจทก์ โดยเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยตามคำบรรยายฟ้องเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความที่จำเลยกล่าวในคำแถลงการณ์นั้น เป็นการโฆษณาใส่ความโจทก์ว่า ขณะที่โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีเมืองขอนแก่น ๒ ปีเศษโจทก์บริหารงานบกพร่อง เป็นการเสียหายแก่เทศบาลเมืองขอนแก่นมากมายซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าว ณ ที่นี้ จนสมาชิกฝ่ายสนับสนุนไม่อาจอยู่ร่วมได้ต้องลาออกไป และเทศมนตรี ๒ คนก็ต้องลาออกไปด้วย จนเหลือแต่โจทก์คนเดียวการที่จำเลยใช้คำว่า “ซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าว ณ ที่นี้” ประกอบกับตอนท้ายของคำแถลงการณ์ได้กล่าวถึงฐานะการเงินของเทศบาลไว้ว่า ขณะนี้อยู่ในภาวะที่ทรุดหนักย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นผลที่เกิดจากโจทก์บริหารงานบกพร่องนั่นเองแต่บกพร่องอย่างไร จำเลยใช้ถ้อยคำที่มีเลศนัย ให้ประชาชนคิดไปในทางอกุศลแก่โจทก์ได้ ยิ่งกว่านั้นตามคำบรรยายฟ้องปรากฏว่าโจทก์จำเลยเคยสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกัน เมื่อจำเลยโฆษณาใส่ความโจทก์ด้วยข้อความดังกล่าวแล้วย่อมเห็นผลได้ว่าน่าจะเป็นการทำลายคะแนนนิยมของโจทก์กับคณะในการเลือกตั้งคราวต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันโฆษณาใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘ แต่คำฟ้องของโจทก์จะมีมูลตามที่บรรยายหรือไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้องต่อไป อย่างไรก็ดี แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นว่า ต้องวินิจฉัยจากข้อเท็จจริงอยู่นั่นเองว่าเป็นเรื่องที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือไม่ กรณีจึงจะเข้าเหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๙
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป แล้วมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี