คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานโจทก์ในคดีที่หาว่าจำเลยมีและจำหน่ายธนบัตรปลอมให้การว่าธนบัตรปลอมที่จับได้จากจำเลยนั้น เป็นของพยาน ดังนี้ พยานผู้นั้นย่อมถูกฟ้องหาว่าสมคบกับจำเลยในคดีนั้นอีกได้

ย่อยาว

ความว่า จำเลยกับนายไสวนำธนบัตรปลอมออกจำหน่ายใช้ซื้อสิ่งของ ราคาเพียงเล็กน้อย แต่พยายามใช้ธนบัตรราคา 5 บาท เจ้าพนักงานตำรวจได้ไปค้นที่บ้านพักจำเลยได้ธนบัตรปลอม ตำรวจถามจำเลย ๆ ว่าเป็นธนบัตรของนายไสว จำเลยไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย นายไสวก็รับว่าเป็นของนายไสวแต่ผู้เดียว ตำรวจจึงสอบสวนนายไสวเป็นผู้ต้องหาคนเดียว เอาจำเลยเป็นพยาน ต่อมาจำเลยเบิกความต่อศาลในคดีที่อัยการฟ้องนายไสวว่า ธนบัตรเหล่านั้นเป็นของจำเลยได้มาจากกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวนจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้หาว่า สมคบกับนายไสวมีและจำหน่ายธนบัตรปลอมจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้สมคบกับนายไสวกระทำผิดศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยได้มีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายไปโดยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 203 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2475 มาตรา 6 ให้จำคุก 10 ปี ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้มีธนบัตรเหล่านี้ไว้โดยเจตนาใช้จำหน่ายและได้ไว้โดยรู้สึกมาแต่เดิมว่าเป็นของปลอม และมีธนบัตรปลอมที่จับได้ในที่พักจำเลยซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด
พิพากษายืน

Share