คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10518/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ คงจำคุกตลอดชีวิต โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แสดงว่าโจทก์พอใจที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต แต่ก็ยังคงลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่โจทก์กลับมายื่นฎีกาคัดค้านว่าไม่สมควรลดโทษให้จำเลยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๑๕ , ๖๖ , ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ , ๘๓ บวกโทษจำเลยที่ ๑ ในคดีก่อนเข้ากับโทษของจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง , ๖๖ วรรคสอง (ที่ถูกต้องประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓) ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒ (๒) คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต คำขอให้บวกโทษจำเลยที่ ๑ ให้ยกเสีย ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๓ แล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๒๕ ปี ให้นำโทษจำคุก ๖ เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๖๖/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ด้วย รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๒๕ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… ที่โจทก์ฎีกาว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลาง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานจึงไม่สมควรลดโทษให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง , ๖๖ วรรคสอง ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ (๒) คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่ควรลดโทษให้จำเลยทั้งสองกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แสดงว่าโจทก์พอใจที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จำเลยทั้งสองกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต แต่ก็ยังคงลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ที่โจทก์กลับมายื่นฎีกาคัดค้านว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลาง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่สมควรที่ศาลจะลดโทษให้จำเลยทั้งสองนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค ๕ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน.

Share