แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามมิได้ยื่นคำคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นภายใน8วันนับแต่ทราบถึงเหตุที่ทำให้การขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบและที่จำเลยที่1ยื่นคำคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายว่าผู้สู้ราคาให้ราคาต่ำขอให้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายนั้นเป็นคำแถลงเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาลว่าจะสมควรอนุญาตให้ขายทอดตลาดหรือไม่จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดีที่ผิดระเบียบหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27และมาตรา296วรรคสองกำหนดไว้จำเลยที่1ฎีกาว่าจำเลยที่1ยื่นคำแถลงต่อศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดเพราะโจทก์จะพาพวกเข้าประมูลกดราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ศาลระงับการขายไว้ก่อนการที่โจทก์พาพวกมาประมูลกดราคาถือว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนทำให้ฝ่ายจำเลยเสียหายศาลมีอำนาจเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้และที่ดินที่ขายกันในปัจจุบันราคาสูงเพราะอยู่ในเขตพัฒนาหากศาลฎีกาสั่งยกเลิกการขายแล้วให้ประมูลใหม่จำเลยทั้งสามหาคนมาประมูลได้ราคาสูงกว่าที่โจทก์ประมูลนั้นฎีกาของจำเลยที่1ดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (13 กรกฏาคม 2533)รวมเป็นเงิน 10,201,999.03 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ19 ต่อปี ของต้นเงิน 6,754,052.20 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความ 100,720 บาท แก่โจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนตามจำนวนและภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้โจทก์บังคับคดีตามคำขอท้ายฟ้องได้ทันทีโดยให้โจทก์ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ศาลแพ่งออกหมายบังคับคดีและส่งไปให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีแทน เจ้าพนักงานคดีศาลชั้นต้นได้ยึดที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 รวม 17 รายการ เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดครั้งแต่ขายไม่ได้เนื่องจากบางครั้ง จำเลยที่ 1 คัดค้านว่าผู้สู้ราคาให้ราคาต่ำ บางครั้งโจทก์ขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ จำเลยที่ 1 ก็คัดค้านว่าผู้สู้ราคาให้ต่ำ จึงต้องเลื่อนการขายทอดตลาดเรื่อยมาจนถึงครั้งที่ 7 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดในวันที่ 3 ธันวาคม 2535 มีผู้เข้าสู้ราคา 3 ราย โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 6,200,000 บาท โดยแยกเป็นราคาเครื่องจักร 1,000,000 บาท ส่วนที่เหลือ 5,200,000 บาท เป็นราคาที่ดินและโรงงาน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้ยุติการขายและทำรายงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป และในการขายทอดตลาดครั้งนี้จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำคัดค้านว่าราคายังต่ำ ขอให้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้แก่โจทก์ผู้ให้ราคาสูงสุด
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมิได้ยื่นคำคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นภายใน8 วัน นับแต่ทราบถึงเหตุที่ทำให้การขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบและที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายว่า ผู้สู้ราคาให้ราคาต่ำ ขอให้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายนั้นเป็นคำแถลงเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาลว่าจะสมควรอนุญาตให้ขายทอดตลาดหรือไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดีที่ผิดระเบียบหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และมาตรา 296 วรรคสอง กำหนดไว้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงต่อศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดเพราะโจทก์จะพาพวกเข้าประมูลกดราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ศาลระงับการขายไว้ก่อนการที่โจทก์พาพวกมาประมูลกดราคาถือว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนทำให้ฝ่ายจำเลยเสียหาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ และที่ดินที่ขายกันในปัจจุบันราคาสูงเพราะอยู่ในเขตพัฒนาหากศาลฎีกาสั่งยกเลิกการขายแล้วให้ประมูลใหม่ จำเลยทั้งสามหาคนมาประมูลได้ราคาสูงกว่าที่โจทก์ประมูลนั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้อง หรือผิดพลาดอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1