แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำร้องขอแก้ไขวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยอ้างว่าพิมพ์ผิดพลาดนั้น เป็นการขอแก้ไขรายละเอียดในฟ้องมิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180และศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตได้โดยไม่ต้องฟังจำเลยก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาศรีย่าน ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2529 จำนวนเงิน 30,000 บาท มอบให้แก่ผู้มีชื่อนำไปมอบชำระหนี้ให้แก่โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาวงเวียน 22 กรกฎา เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงิน32,250 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน30,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะครบถ้วน
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 2,250 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…และที่จำเลยฎีกาว่า ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องก่อนส่งสำเนาให้จำเลย และมิได้ฟังจำเลยก่อนว่าจะคัดค้านหรือไม่ ทั้งเป็นการขอแก้ไขคำฟ้องภายหลังจากการชี้สองสถานแล้วเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 วรรค 2 นั้น คดีได้ความว่า หลังจากศาลทำการชี้สองสถานไปแล้วโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในฟ้องจากวันที่ 18 สิงหาคม 2529 เป็นวันที่ 15 สิงหาคม 2529อ้างว่าพิมพ์ผิดพลาดศาลชั้นต้นสั่งว่า “สำเนาให้จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย อนุญาต” ดังนี้ เห็นว่า เป็นเรื่องขอแก้ไขรายละเอียดในฟ้องเท่านั้น มิใช่เป็นการขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ไขในระยะเวลาตามมาตรา 180 ศาลมีอำนาจที่จะสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขได้ โดยไม่จำต้องฟังจำเลยก่อนว่าจะคัดค้านหรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน