แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ได้เอาประกันภัยทางทะเลสำหรับความเสียหายอันเกิดแก่สินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศไว้ต่อโจทก์ จำเลยเป็นผู้รับทำการขนสินค้าดังกล่าวจากสิงคโปร์มากรุงเทพ ปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวได้สูญหายไปบางส่วน โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. นั้นจะมิได้ประทับตามสำคัญของบริษัทโจทก์ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. กับโจทก์ซึ่งต่างก็ได้ปฏิบัติไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้กันไว้โดยไม่มีข้อคัดค้านโต้เถียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยแต่ประการใด จึงหาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมง สำหรับสินค้ามหาหิงคุ์ขนส่งจากการาจีถึงกรุงเทพเมื่อเรือมาลไดว์ซี ได้ขนสินค้าดังกล่าวจากการาจีมาถึงสิงคโปร์ จำเลยที่ ๑ ได้รับขนสินค้ามหาหิงคุ์ดังกล่าวโดยเรือศรีเพ็ญสินธุ์ของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ทำการขนสินค้ามหาหิงคุ์จากเรือมาลไดว์ซีมายังเรือศรีเพ็ญสินธุ์ เมื่อเรือศรีเพ็ญสินธุ์มาถึงกรุงเทพปรากฏว่าสินค้ามหาหิงคุ์สูญหายไป ๑๕๐.๖ กิโลกรัม คิดเป็นเงิน ๑๓,๕๕๐ บาท ๙๙ สตางค์ โจทก์ได้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ใช่เป็นเจ้าของเรือศรีเพ็ญสินธุ์และจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ขนสินค้ามหาหิงคุ์จากเรือมาลไดว์ซีลงเรือศรีเพ็ญสินธุ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๖,๒๙๘ บาท ๖๐ สตางค์แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า คดีนี้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า แม้กรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ออกให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงจะไม่มีตราสำคัญของบริษัทโจทก์ประทับก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงกับโจทก์ โดยที่คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติแล้วว่า คู่สัญญาดังกล่าวได้ปฏิบัติไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ทำกันไว้ และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงผู้เอาประกันภัยไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว ทั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงได้ยอมรับค่าเสียหายดังกล่าวไปโดยไม่มีข้อคัดค้านโต้เถียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ทำกันไว้แต่ประการใด ดังนั้นโจทก์ในฐานะเป็นผู้รับประกันภัย ซึ่งได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลลิ่มฮั่วหมงตามมาตรา ๘๘๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในอันที่จะฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองได้ เมื่อโจทก์เข้ารับช่วงสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้การลงลายมือชื่อในกรมธรรม์ประกันภัยของนายแพตริก พอล ดูเทร่ย์ กับกรรมการอีกนายหนึ่ง โดยมิได้ประทับตราสำคัญของบริษัทก็ตามก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองพ้นจากความรับผิดไปได้
พิพากษายืน