แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายเมาสุราก่อเหตุขึ้นก่อน โดยพูดจาทำนองหาเรื่องจำเลยเมื่อจำเลยเดินหนีไม่ตอบโต้ ผู้ตายยังเดินตามและใช้ไม้ตีจำเลยที่หลัง 1 ครั้ง แล้วผู้ตายจะใช้ไม่ตีจำเลยอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ การที่จำเลยหันกลับมาชกผู้ตายซึ่งอยู่ในระยะประชิดเพื่อป้องกันตัวแม้จะเป็นการชกโดยแรงแต่ก็เป็นการชกเพียงครั้งเดียว และเมื่อจำเลยชกผู้ตายล้มลงจำเลยก็ไม่ได้ชกผู้ตายซ้ำอีก การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและไม่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 68
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92, 290 เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 (ที่ถูก มาตรา 290 วรรคแรก) ประกอบมาตรา 69 ลงโทษจำคุก 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 4 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่ฎีกาโต้แย้งฟังยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง ขณะนายสุชาติผู้ตายนั่งดื่มสุราอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ที่เกิดเหตุ จำเลยเดินมาในร้านก๋วยเตี๋ยว นายอำพร ซึ่งนั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้กับผู้ตายถามจำเลยว่าไปไหนมา จำเลยบอกว่าพาพ่อไปหาหมอมา ผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลยแล้วพูดว่าสงสัยใกล้ตายแล้ว ข้องใจหรือไง จำเลยพูดกับนายอำพรว่าไม่กินแล้วจากนั้นก็เดินออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไป ผู้ตายเดินตามจำเลยไปเมื่อใกล้จะทันผู้ตายหยิบท่อนไม้ที่พื้นถนน เป็นไม้ระแนงบาง ๆ ยาวประมาณ 1 ศอกตีที่หลังจำเลย 1 ครั้ง แล้วเงื้อไม้จะตีจำเลยอีก จำเลยหันกลับมาและชกบริเวณปากของผู้ตายทำให้ผู้ตายล้มลง ศีรษะกระแทกพื้นหมดสติไป จำเลยใช้เท้าเขี่ยผู้ตาย จากนั้น จำเลยขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างหนีไป ต่อมาผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากเนื้อสมองช้ำ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันหรือไม่ เห็นว่า ผู้ตายเมาสุราก่อเหตุขึ้นก่อนโดยพูดจาทำนองหาเรื่องจำเลยเมื่อจำเลยเดินหนีไม่ตอบโต้ ผู้ตายยังเดินตามและใช้ไม้ตีจำเลยที่หลัง 1 ครั้ง แล้วผู้ตายจะใช้ไม้ตีจำเลยอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ การที่จำเลยหันกลับมาชกผู้ตายซึ่งอยู่ในระยะประชิดเพื่อป้องกันตัวแม้จะเป็นการชกโดยแรงแต่ก็เป็นการชกเพียงครั้งเดียว และเมื่อจำเลยชกผู้ตายล้มลง จำเลยก็ไม่ได้ชกต่อยผู้ตายซ้ำอีก การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและไม่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน