คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2532 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ อันเป็นวันภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 ซึ่งใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2532ใช้บังคับแล้ว จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่ ดังนั้นที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษปรับจำเลย600 บาท ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4) (8), 157ลงโทษปรับ 600 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2532 ก่อนวันพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532จะมีผลใช้บังคับ คดีของจำเลยซึ่งถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับ600 บาท ไม่ห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายที่ใช้อยู่ก่อนมีการแก้ไขนั้น เห็นว่าการพิจารณาว่าจำเลยจะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะยื่นอุทธรณ์ คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2532ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ อันเป็นวันภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 ซึ่งใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2532ใช้บังคับแล้ว จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่ ปรากฏว่าขณะจำเลยยื่นอุทธรณ์ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 มาตรา 3 บัญญัติว่า “ในคดีอาญาห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ฯลฯ
(4) จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท”
ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยเพียงหกร้อยบาทอุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share