คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีปล่อยให้ภริยาจำนองที่ดินที่มีชื่อภริยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเอาไปจำนองครั้ง 1 แล้วโดยมิได้ทักท้วงคัดค้านประการใด ภายหลังเอาจำนองแก่ผู้อื่นดังนี้ สามีจะบอกล้างจำนองรายหลังนี้มิได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
(อ้างฎีกาที่ 1104/2477)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าการจำนองที่ดินระหว่างจำเลยกับภริยาโจทก์ตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก โดยอ้างที่ดินเป็นสินสมรสภริยาเอาไปจำนองโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมจำนองรายนี้ได้ จึงพิพากษาให้เพิกถอนการจำนองเสีย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้งว่า การที่โจทก์ยินยอมให้ภริยาเอาที่ไปจำนองคนอื่นครั้งหนึ่งแล้ว จึงไถ่มาจำนองจำเลยซึ่งได้รับจำนองโดยสุจริตย่อมทำให้การทะเบียนของเจ้าพนักงานลวงคนทั้งหลายที่เข้ามาเกี่ยวข้องรวมทั้งจำเลยด้วย ให้หลงผิดว่าภริยาโจทก์มีสิทธิผูกพันธ์ที่ดินรายนี้ไว้โดยการจำนอง ประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๕ บัญญัติว่าการใช้สิทธิบุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต การใช้สิทธิอย่างโจทก์จะว่าเป็นโดยสุจริตหาได้ไม่โจทก์จึงบอกล้างการจำนองนี้ไม่ได้ ควรพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ปล่อยให้ภริยามีชื่อในหน้าโฉนดที่ดินเป็นสินบริคณห์แล้วมิหนำซ้ำให้ไปทำการจำนองโดยทักท้วงประการใด จนภริยาได้ทำการไถ่ถอนแล้วมาจำนองแก่จำเลยอีกเช่นนี้ โจทก์จะบอกเลิกนิติกรรมจำนองรายหลังนี้ไม่ได้ ตามฎีกาที่ ๑๑๐๔/๒๔๗๗ การที่สามีปล่อยให้ภริยาลงชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดนั้น ไม่หมายความว่าจะให้ภริยาจัดการจำหน่ายหรือทำการผูกพันแก่ที่ดินนั้นได้ แต่การที่โจทก์ปล่อยให้ภริยาจำนองที่ดินดังกล่าวแล้วโดยมิได้ทักท้วงคัดค้านประการใดจนคนที่ ๓ มารับจำนองต่อโดยสุจริตเช่นนี้โจทก์ก็หมดสิทธิที่จะบอกล้างนิติกรรมจำนองรายหลังนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๕ เพราะโจทก์มิได้รักษาและใช้สิทธิโดยสุจริต จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share