แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยได้รับมอบตะกร้าของโจทก์ไปเพื่อขายโดยตกลงกันว่าขายได้จะชำระราคาตามที่โจทก์ตีไว้เมื่อขายไม่ได้โจทก์ยอมรับคืน ดังนี้หาใช่โจทก์ตกลงขายตระกร้าให้จำเลยไม่กรรมสิทธิยังเป็นของโจทก์อยู่หากจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาตะกร้าซึ่งรับมอบไว้เป็นประโยชน์ของตนเสียเอง ย่อมต้องมีผิดฐานยักยอก
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบตะกร้าหวายของโจทก์ไปจำหน่าย ตกลงกันว่าถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ ถ้าขายไม่ได้จะนำตะกร้าคืน ต่อมาจำเลยบอกโจทก์ว่ายังขายไม่ได้ โจทก์ขอคืนตระกร้า จำเลยไม่ยอม จึงทราบว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกตะกร้าหวายของโจทก์ ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๒ เดือน ตาม ก.ม.อาญา ม.๓๑๔
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยทั้งสอง รับตะกร้าหวายของโจทก์ไปตามฟ้องจริง และคดีได้ความว่าในการรับตะกร้าไปนี้ตกลงกันว่าถ้าขายได้จะเอาเงินราคาตะกร้าตามที่โจทก์ตีราคาไว้ตามชนิดของตะกร้ามาชำระให้โจทก์ ถ้าขายไม่ได้จะนำตะกร้ามาคืน พฤติการณ์ชี้ให้เห็นว่าเป็นกรณีที่จำเลยรับมอบตะกร้าไปเพื่อขายเอากำไร เมื่อขายไม่ได้โจทก์ยอมรับคืน หาใช่เป็นการที่โจทก์ตกลงขายตะกร้าให้จำเลยไม่ กรรมสิทธิในตะกร้าจึงยังเป็นของโจทก์อยู่ หากจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาตะกร้าซึ่งตนรับมอบไปนั้นไว้เป็นประโยชน์ตนเสีย จำเลยก็มีความผิดฐานยักยอกตามฟ้อง
จึงพิพากษากลับบังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น