แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บรรทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใดๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิ้น ปรากฏว่าเรือบรรทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยวเรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบรรทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือเป็นเหตุให้ข้าวสารที่บรรทุกเสียหาย ดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้
ย่อยาว
ความว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญารับขนส่งข้าวสารของโจทก์ทางเรือจากกรุงเทพฯ ไปชุมพร จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาขนส่งมีข้อความว่า “ของที่บันทุกนั้น ถ้าปรากฏว่าขาดจำนวน หรือเปียกน้ำผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหายตามทุน หากว่าถูกพายุหรือการเอกสิเด็นท์ใด ๆ ต่างยกเลิกสัญญาทั้งสิ้น” เรือของจำเลยที่ 1 ซึ่งบันทุกข้าวสารของโจทก์ไปนั้น ขณะจอดรอเจ้าหน้าที่ด่านภาษีมาตรวจเรือ มีเรือกลไฟลากจูงเรือพ่วงตัดหน้าผ่านเรือจำเลยในระยะใกล้ ขณะนั้นมีลมแรงและน้ำเชี่ยว เรือพ่วงลำสุดท้ายได้ชนเรือของจำเลย หัวเรือแตกและน้ำไหลเข้าเรือ จำเลยที่ 1 เกรงเรือจะจมจึงสั่งให้เอาข้าวสารทิ้งน้ำบ้าง เพื่อให้หัวเรือสูงจากระดับน้ำ คนของโจทก์ได้สั่งให้พาเรือกลับกรุงเทพฯ เมื่อขนข้าวขึ้นแล้ว ปรากฏว่าข้าวหายและเสียหายโจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ในฐานะคู่สัญญา และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน จำเลยให้การว่า เรือของจำเลยถูกผู้อื่นชนเป็นภัยนอกอำนาจ จำเลยไม่ต้องรับผิด ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา โจทก์คงโต้เถียงข้อเดียวว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ ตามสัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันระบุไว้ว่า ถ้าของที่บันทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรืออุบัติเหตุใด ๆ ต่างยกเลิกสัญญาทั้งสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่การขนส่งของจำเลยโดยไม่รู้ตัว โดยจำเลยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อให้เกิดเหตุนั้นขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด นับว่าเป็นอุบัติเหตุเกิดขึ้นตามความมุ่งหมายแห่งสัญญารายนี้
พิพากษายืน