แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กำหนดเวลาทำงานของโจทก์ซึ่งเป็นยามรักษาการณ์นั้น หัวหน้างานได้จัดทำตารางการเข้าทำงานล่วงหน้าไว้เป็นรายวันประจำเดือนเพื่อให้บรรดายามรักษาการณ์ได้รู้กำหนดเวลาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อความสะดวกของผู้บังคับบัญชาเองที่ไม่ต้องกำหนดเวลาอย่างกะทันหันโดยที่โจทก์และยามรักษาการณ์ไม่อาจทราบได้ทันกำหนดเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการที่สั่งให้โจทก์กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด และเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเป็นการขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาพฤติการณ์ของโจทก์ที่ไม่ไปเข้าเวรยามตามกำหนดเวลาเป็นเพียงการขาดงานเท่านั้น ทั้งจำเลยเองได้แทงในบัญชีพนักงานลงชื่อและเวลาทำงานว่าโจทก์ขาดงาน จึงมิใช่เป็นเรื่องโจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเล่นการพนันในเวลาปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการผิดระเบียบการทำงานของจำเลย ส่วนการที่โจทก์เล่นการพนันนอกสถานที่ทำการของจำเลย มิใช่เป็นการเล่นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้จำเลยเสียหาย ลักษณะการกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การกระทำของโจทก์ยังไม่เป็นความผิดตามข้อบังคับหรือคำสั่งของจำเลย อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไล่โจทก์ออกจากงานได้
ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางพิจารณาคำเบิกความของพยานรวบรัดเกินไป เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
การวินิจฉัยและพิพากษาคดีแรงงานนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจำต้องอ้างกฎหมายที่ยกขึ้นเป็นหลักในการวินิจฉัยและพิพากษาคดีอย่างชัดแจ้ง เมื่อศาลเห็นว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิตามที่เรียกร้องและขอให้ศาลบังคับเอาแก่จำเลยได้ไม่ว่าด้วยเหตุถูกละเมิด มีสิทธิตามสัญญา หรือกฎหมาย ศาลย่อมวินิจฉัยและพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของโจทก์ได้ โดยเพียงแต่กล่าวว่าโจทก์มีสิทธิอย่างไรอันมีผลเป็นการผูกพันให้จำเลยต้องปฏิบัติตามที่โจทก์เรียกร้องเท่านั้น หาจำเป็นต้องอ้างตัวบทกฎหมายที่เป็นกำเนิดแห่งสิทธิของโจทก์ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ครั้งสุดท้ายได้ค่าจ้างเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท ค่าครองชีพเดือนละ ๔๐๐ บาท ต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ โดยกล่าวหาว่าโจทก์เล่นการพนันในขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นการกระทำผิดวินัยซึ่งมีโทษตามข้อบังคับขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ความจริงขณะที่โจทก์เล่นการพนันมิได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เพราะวันดังกล่าวโจทก์มิได้มาทำงานและเป็นการเล่นนอกสถานที่ทำงาน การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่ชอบด้วยข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและหนังสือที่ ขสมก.บ(จ)๒๒๗/๒๕๒๔ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ เรื่องระดับการลงโทษทางวินัยและพนักงานลูกจ้างเล่นการพนัน ซึ่งถือเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง และได้กำหนดโทษที่จำเลยจะลงแก่โจทก์ได้ไม่เกินลดขั้นเงินเดือน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม เสมือนหนึ่งไม่มีการเลิกจ้างและให้จ่ายค่าเสียหายเดือนละ ๒,๔๐๐ บาทนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน
จำเลยให้การว่า เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์เป็นยามรักษาการณ์ซึ่งต้องมาปฏิบัติหน้าที่ตามตารางการทำงานที่ผู้บังคับบัญชาของโจทก์สั่งการและโจทก์ทราบล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อโจทก์เดินทางมาถึงที่ทำการของจำเลยกลับแวะเข้าไปในร้านค้าและร่วมเล่นการพนันกับพวกอยู่ห่างที่ทำการของจำเลย ซึ่งเป็นบริเวณที่โจทก์จะต้องอยู่ยามเพียง ๕๐ เมตร โจทก์ถูกตำรวจจับและถูกดำเนินคดีฐานเล่นการพนัน ศาลพิพากษาปรับโจทก์ จำเลยจึงถือว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเล่นการพนันในเวลาปฏิบัติหน้าที่เป็นการจงใจฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ว่าด้วยยามรักษาการณ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ และเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ว่าด้วยวินัยพนักงาน ฯลฯ และบันทึกของฝ่ายบริหาร ที่ ขสมก.บ(ว) ๒๒๗/๒๕๒๕เรื่อง ระดับการลงโทษทางวินัย และพนักงานลูกจ้างเล่นการพนัน ซึ่งมีโทษถึงไล่ออก การเลิกจ้างของโจทก์จึงชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของจำเลย มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ระหว่างที่โจทก์ทำงานกับจำเลย โจทก์มีหนี้ผูกพันที่เกี่ยวกับการทำงานและรับสภาพหนี้ไว้กับจำเลย หากจำเลยต้องจ่ายเงินใด ๆ แก่โจทก์แล้ว จำเลยขอหักหนี้สินที่โจทก์ผูกพันดังกล่าวด้วย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่ง อัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือนนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นยามรักษาการณ์กำหนดเวลาทำงานของโจทก์นั้น หัวหน้างานได้จัดทำตารางการเข้าทำงานล่วงหน้าไว้เป็นรายวันประจำเดือนเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของโจทก์กำหนดเวลาทำงานไว้ล่วงหน้าเพื่อให้บรรดายามรักษาการณ์ได้รู้กำหนดเวลาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อความสะดวกของผู้บังคับบัญชาเองที่ไม่ต้องกำหนดเวลาอย่างกะทันหันโดยที่โจทก์และยามรักษาการณ์ไม่อาจทราบได้ทันกำหนดเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการที่สั่งให้โจทก์กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด และเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเป็นการขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา พฤติการณ์ของโจทก์ที่ไม่ไปเข้าเวรยามตามกำหนดเวลาเป็นเพียงการขาดงานเท่านั้น ทั้งจำเลยเองได้แทงในบัญชีพนักงานลงชื่อและเวลาทำงานว่าโจทก์ขาดงาน จึงมิใช่เป็นเรื่องโจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเล่นการพนันในเวลาปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการผิดระเบียบการทำงานของจำเลย การที่โจทก์เล่นการพนันนอกสถานที่ทำการของจำเลยมิใช่เป็นการเล่นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้จำเลยเสียหาย ลักษณะการกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การกระทำของโจทก์ยังไม่เป็นความผิดตามข้อบังคับหรือคำสั่งของจำเลย อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไล่ออกจากงานได้
อุทธรณ์ของจำเลยซึ่งเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมา และข้อที่อุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางพิจารณาคำเบิกความของพยานรวบรัดเกินไปเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ชอบ ให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานและให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิได้อ้างข้อกฎหมายใด ๆ ให้จำเลยเห็นโดยชัดแจ้ง ถึงอำนาจที่จะให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าวนั้นเห็นว่า การวินิจฉัยและพิพากษาคดีแรงงานนั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจำต้องอ้างกฎหมายที่ยกขึ้นเป็นหลักในการวินิจฉัยและพิพากษาคดีอย่างชัดแจ้งเมื่อศาลเห็นว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิตามที่เรียกร้องขอให้ศาลบังคับเอาแก่จำเลยได้ไม่ว่าด้วยเหตุถูกละเมิด มีสิทธิตามสัญญาหรือกฎหมาย ศาลย่อมวินิจฉัยและพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของโจทก์ได้โดยเพียงแต่กล่าวว่าโจทก์มีสิทธิอย่างไรอันมีผลเป็นการผูกพันให้จำเลยต้องปฏิบัติตามที่โจทก์เรียกร้องเท่านั้น หาจำเป็นต้องอ้างตัวบทกฎหมายที่เป็นกำเนิดแห่งสิทธิของโจทก์ไม่
พิพากษายืน