แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ้าง โจทก์ทำงานก่อสร้างหลายโครงการ ในการจ้างค่าจ้างแต่ละครั้งไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน และจำนวนที่จ่ายให้ก็สุดแล้วแต่ฝ่ายจำเลยจนเมื่องานเสร็จตามโครงการก่อสร้างจึงปรากฏว่าจำเลยได้ค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ตามจำนวนที่ฟ้อง อายุความจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันสิ้นสุดการทำงานตามโครงการก่อสร้างนั้นเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเข้าทำงานกับจำเลย แต่จำเลยค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ทั้งหก ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งหก
จำเลยทั้งหกสำนวนให้การด้วยวาจาว่า จำเลยไม่ได้เป็นนายจ้างของโจทก์ ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ และคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งหก
จำเลยทั้งหกสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้น พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงได้ความว่า ในการจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งหกในแต่ละครั้งนั้นไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน และจำนวนเงินที่จ่ายให้ก็สุดแล้วแต่ทางฝ่ายจำเลย จนเมื่องานเสร็จตามโครงการก่อสร้างสำหรับโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๒ และโจทก์ที่ ๔ ในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๐ โจทก์ที่ ๓ ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๓๐ โจทก์ที่ ๕ ในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๙ และโจทก์ที่ ๖ ในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๓๐ จึงปรากฎว่าจำเลยได้ค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์แต่ละสำนวนตามจำนวนเงินดังกล่าวในฟ้อง อายุความจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันสิ้นสุดการทำงานตามโครงการก่อสร้างของโจทก์แต่ละสำนวน เมื่อนับถึงวันฟ้องสำหรับโจทก์ที่ ๑ ถึงโจทก์ที่ ๔ วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ โจทก์ที่ ๕ และโจทก์ที่ ๖ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๒ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน