คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อเท็จจริงได้ความว่าห้าง ฯ พ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อไปโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนห้าง ฯ พ. ในระหว่างระยะเวลาประกัน ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 โดยประมาท ดังนี้ แม้ห้าง ฯ พ. จะเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็หามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่รถเกิดชนกันอันจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ ผู้ที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คือจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เอาประกันภัย การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน หาทำให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยไปด้วยไม่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ล.บ. ๑๓๘๑๙ และเป็นนายจ้างของนายชัยหรือโสภณ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๐ เวลากลางวัน นายชัยหรือโสภณได้ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทกล่าวคือ ขับรถด้วยความเร็วสูงและขับแซงรถคันอื่นล้ำเข้าไปในด้านขวามือของถนนในขณะที่มีรถอีกคันหนึ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้รถที่นายชัยหรือโสภณขับพุ่งเข้าชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ธ. – ๕๘๖๗ ของนายวิสุทธิ์ ซึ่งนายแพทย์วิเชียรเป็นผู้ขับและมีโจทก์ที่ ๑ นั่งมาด้วยอย่างแรง ทำให้รถยนต์ตกลงข้างถนนได้รับความเสียหาย นายแพทย์วิเชียรถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเสียค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่าย ๓๐,๐๐๐ บาทค่าขาดประโยชน์ ๑๘,๐๐๐ บาท รถยนต์ของนายวิสุทธิ์ขณะเกิดเหตุมีราคา ๑๖๐,๐๐๐ บาท เสียหายทั้งคันซ่อมไม่ได้ จำเลยที่ ๑ ในฐานะเป็นนายจ้างของนายชัยหรือโสภณและเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ กับจำเลยที่ ๒ ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันภัยค้ำจุน ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะใช้เงินให้โจทก์ทั้งสองเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่ามิได้เป็นนายจ้างของนายชัยหรือโสภณและมิได้เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุก จำเลยที่ ๑ และนายชัยหรือโสภณได้ร่วมกันเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลพันธุ์เจริญลพบุรี แต่ใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียว แบ่งกันขับไปใช้หาเงินคนละเดือน เดือนที่เกิดเหตุอยู่ในความครอบครองของนายชัยหรือโสภณ เหตุที่รถชนกันเป็นความผิดของผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ธ. – ๕๘๖๗ โจทก์ที่ ๑ ได้รับอันตรายหรือไม่ ไม่ทราบ ค่ารักษาและค่าใช้จ่ายสูงเกินไป โจทก์ที่ ๑ จะทำงานมีรายได้จริงหรือไม่ ไม่รับรอง ราคารถยนต์ของโจทก์ที่ ๒ สูงเกินไป
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ไม่ได้รับประกันรถยนต์บรรทุกไว้จากจำเลยที่ ๑ แต่รับประกันภัยจากผู้มีชื่อ และต่อมาผู้มีชื่อได้โอนขายรถยนต์บรรทุกดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นแล้ว โดยมิได้แจ้งเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เหตุที่เกิดเป็นเพราะความประมาทของผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ธ. – ๕๘๖๗ โจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑ ไม่มีรายได้อะไร รถยนต์ดังกล่าวเสียหายเพียงเล็กน้อยค่าซ่อมไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ได้จำกัดความรับผิดในการบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลภายนอกไว้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท และจำกัดความรับผิดสำหรับความเสียหายในทรัพย์สินของบุคคลภายนอกไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๓๓,๐๐๐ บาท โดยให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดในวงเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยของต้นเงินทั้งสองจำนวนนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ และให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๑๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดในวงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยของต้นเงินทั้งสองจำนวนนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลพันธุ์เจริญลพบุรี เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ล.บ. ๑๓๘๑๙ ไว้กับจำเลยที่ ๒ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกดังกล่าวไปจากห้าง ฯ โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนห้าง ฯ อยู่ระหว่างระยะเวลาประกันนายชัยหรือโสภณได้ขับรถยนต์บรรทุกดังกล่าวไปชนกับรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ก.ท.ธ. – ๕๘๖๗ ทำให้รถยนต์เก๋งได้รับความเสียหาย และโจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าตามสัญญาประกันภัย จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก การที่รถเกิดชนกันขึ้นแม้ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลพันธุ์เจริญลพบุรีจะเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็หามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่รถเกิดชนกัน อันจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไม่ ผู้ที่อาจจะต้องรับผิดคือจำเลยที่ ๑ แต่จำเลยที่ ๑ ก็มิใช่ผู้เอาประกันภัย การที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันก็หาได้ทำให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เอาประกันภัยไปด้วยไม่ ดังนั้นถึงแม้จำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ ก็หาต้องรับผิดด้วยไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share