คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่ารั้วไม้ของโจทก์เสียหายรวม 74 ช่วงและรั้วลวดตาข่ายเสียหายราว 165 เมตรคิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 335,295 บาทแม้มิได้แสดงว่ารั้วไม้ยาวช่วงละเท่าใด รั้วไม้และรั้วตาข่ายช่วงไหนเสียหายเสียหายช่วงละเท่าใดหรือเสียหายอย่างไรแต่โจทก์ก็ได้แนบแผนผังแสดงแนวรั้วไม้และรั้วตาข่ายที่เสียหายมาท้ายคำฟ้องด้วยคำฟ้องนี้จึงได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์หลายครั้งโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่รื้อออกไป เมื่องานต่างๆ ที่จะต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยรื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่13 ธันวาคม 2521อันเป็นวันที่จำเลยทำหนังสือให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้นโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522จึงไม่ขาดอายุความ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กรุงเทพมหานครได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ไปแล้วซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยอีกเป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน362,537.70 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 183,736.00 บาท โจทก์อุทธรณ์และฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้องเมื่ออุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่าที่โจทก์ชนะคดีส่วนค่าทนายความเมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นควรให้จำเลยใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 รับจ้างเหมากรุงเทพมหานครปรับปรุงถนน จำเลยที่ 1 ได้รื้อรั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกับถนน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายเป็นเงิน 335,295 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวนเงิน 27,242.70 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวน ขอบังคับให้จำเลยทั้งสามใช้เงิน 362,537.70 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยรื้อรั้วบางส่วนเพื่อความสะดวกในการทำงานและโจทก์ก็อนุญาต จำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ค่าเสียหายตามฟ้องไม่เป็นความจริงและเคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงิน 183,736 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นควรให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์กึ่งหนึ่งของค่าเสียหายตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน167,647.50 บาท แก่โจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่ารั้วไม้ของโจทก์เสียหายรวม 74 ช่วง และรั้วลวดตาข่ายเสียหายราว 165 เมตร คิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 335,295 บาท มิได้แสดงให้แจ้งชัดว่ารั้วไม้ยาวช่องละเท่าใด รั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายช่วงไหนเสียหาย เสียหายช่วงละเท่าใด หรือเสียหายอย่างไรนั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้แนบแผนผังแสดงแนวรั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายของโจทก์ที่เสียหายมาท้ายคำฟ้องด้วยเห็นว่า คำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาได้เคลือบคลุมไม่

ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 รื้อรั้วโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ และการที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์รับรองว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่จำเลยที่ 1 รื้อออกไปให้เรียบร้อยก็แสดงให้เห็นว่าโจทก์มิได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 รื้อรั้ว ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 รื้อรั้วของโจทก์จึงเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่ทรัพย์สิน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

ที่โจทก์ฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ และเอกสารหมาย จ.7 มิใช่หนังสือรับสภาพหนี้นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคนงานของจำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายของโจทก์หลายครั้ง สำหรับรั้วไม้ที่จำเลยที่ 1 รื้อครั้งแรกเป็นระยะยาว 30 เมตรนั้น โจทก์รู้ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2521 ส่วนรั้วไม้ที่จำเลยที่ 1 รื้อออกไปอีก 155 เมตร และรั้วลวดตาข่ายที่จำเลยที่ 1 รื้อออกไปเป็นระยะยาว 165 เมตร โจทก์รู้หลังวันที่ 13 ธันวาคม 2521 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2522 ดังนั้นสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่การที่จำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายที่โจทก์รู้หลังวันที่ 13 ธันวาคม 2521 จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 สำหรับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2521 นั้น ศาลฎีกาได้วินิจฉัยมาแล้วว่า การที่จำเลยรื้อรั้วของโจทก์นั้น เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดซึ่งอาจจะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1ทำให้รั้วของโจทก์กลับสู่สภาพเดิมก่อนละเมิดก็ได้หรือเรียกร้องค่าเสียหายก็ได้ตามหนังสือหมาย จ.7 จำเลยที่ 1 ก็รับรองว่าจะซ่อมรั้วไม้ที่จำเลยที่ 1 รื้อออกไปเมื่องานต่าง ๆ ที่จะต้องทำหลังแนวรั้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1ทำหนังสือหมาย จ.7 ให้โจทก์ จึงเป็นการรับสภาพต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้ที่โจทก์รู้ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2521 อันเป็นวันที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือหมาย จ.7 ให้โจทก์จึงสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันนั้น สิทธิเรียกร้องส่วนนี้จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448ประกอบด้วยมาตรา 172 และ 181

ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า โจทก์กับกรุงเทพมหานครได้ตกลงค่าเสียหายในการที่กรุงเทพมหานครใช้ที่ดินของโจทก์ปรับปรุงถนนเข้านิคมมักกะสัน รวมทั้งค่าเสียหายในการที่จะต้องรื้อรั้วไม้และรั้วลวดตาข่ายของโจทก์ บัดนี้กรุงเทพมหานคร ได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2524 ไปแล้วเป็นเงิน 4,668,494 บาท ซึ่งคลุมถึงค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องคดีนี้ด้วย ไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยทั้งสองอีกนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

ที่โจทก์ฎีกาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์นั้น ได้คำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความและการดำเนินคดีของคู่ความทั้งสองฝ่ายทั้งปวงแล้วเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลแทนโจทก์ส่วนค่าธรรมเนียมศาลนั้นเนื่องจากโจทก์อุทธรณ์และฎีกาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามฟ้อง แต่อุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าขึ้นศาลแทนโจทก์เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลล่างทั้งสองเป็นพับไปนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้ในเรื่องความรับผิดในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความทั้งสามศาลรวม 10,000 บาท และค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นในทุนทรัพย์ 167,647 บาท 50 สตางค์แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลนอกจากนี้ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share