แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ผู้เช่าซื้อจะผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ก็ไม่อาจถือว่าสัญญาเช่าซื้อต้องเลิกกันทันทีโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามสัญญาข้อ 6 เพราะอาจมีกรณีผู้ให้เช่าซื้อผ่อนผันการผิดนัดงวดนั้นดังที่ระบุในสัญญาข้อ 9 การที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อแล้ว 33 งวด โดยเป็นการชำระไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาแต่จำเลยยอมรับค่าเช่าซื้อดังกล่าว แสดงว่าจำเลยยอมผ่อนผันการผิดนัดครั้งนั้นให้โจทก์โดยไม่ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันทันทีเพราะเหตุโจทก์ผิดนัด นอกจากนี้ยังปรากฏว่า หลังจากมีการยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนมาแล้ว จำเลยยังส่งหนังสือแจ้งเตือนให้โจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 34 ถึงงวดที่ 36 อีก 2 ฉบับ โดยฉบับสุดท้ายขอให้โจทก์ติดต่อชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดพร้อมค่าใช้จ่าย มิฉะนั้นจำเลยจะนำรถขุดออกขายแก่บุคคลภายนอก เป็นพฤติการณ์ที่ประกอบกันแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงผ่อนผันการผิดนัดให้โจทก์อีกเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติ โดยหากโจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไปชำระแก่จำเลยพร้อมเบี้ยปรับฐานชำระล่าช้า จำเลยก็จะยินยอมให้โจทก์รับรถขุดที่เช่าซื้อกลับคืนไปและชำระค่าเช่าซื้อต่อไปจนกว่าจะครบตามสัญญา ส่วนหนังสือบอกเลิกสัญญาที่จำเลยให้ลูกจ้างของจำเลยนำติดตัวไปเพื่อดำเนินการยึดรถขุดแล้วลูกจ้างของจำเลยนำไปมอบให้แก่ผู้ขับรถขุดภายหลังจากทำการยึดรถขุดแล้วนั้น กรณีมิใช่การมอบให้แก่โจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทั้งหนังสือดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาให้โจทก์ชำระหนี้ในเวลาอันสมควรเสียก่อน กลับมีการมอบให้ภายหลังการยึดรถขุด ทั้งข้อความในหนังสือดังกล่าวระบุว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาจึงเลิกสัญญากับผู้เช่าซื้อขัดแย้งกับที่จำเลยยังคงออกหนังสือแจ้งเตือนให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างภายหลังจากที่ยึดรถขุดคืนมาแล้วดังกล่าวการบอกเลิกสัญญาของจำเลยจึงไม่ชอบ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่เลิกกัน จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนได้ การที่จำเลยยึดรถขุดดังกล่าวมา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 5,377,959 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ชำระค่าปรับหรือค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์รถขุดที่เช่าซื้อในอัตราวันละ 30,000 บาท จนกว่าโจทก์จะหารถขุดคันใหม่ได้
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งส่วนที่เกิน 1,520 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีนายสุวรรณ์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนจำเลยเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถขุดไฮดรอลิก ยี่ห้อโคมัตสุ รุ่น PC200 – 7 หมายเลขเครื่องยนต์ 6D102 – 26460126 หมายเลขตัวรถ KMTPC049P87C79872 จากจำเลยในราคา 4,662,814 บาท โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญา 600,000 บาท ส่วนที่เหลือตกลงผ่อนชำระ 48 งวด งวดแรกชำระ 84,264 บาท งวดต่อไปชำระงวดละ 84,650 บาท ทุกวันที่ 2 ของเดือน เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 หลังทำสัญญาโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลยเรื่อยมาจนถึงงวดที่ 33 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 จำเลยยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า จำเลยมีสิทธิยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืน เนื่องจากโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อโดยขายรถขุดที่เช่าซื้อให้แก่บุคคลอื่นระหว่างที่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ ทั้งยังผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อจึงเป็นอันเลิกกันตามข้อตกลงในสัญญา เห็นว่า ในส่วนของข้ออ้างว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อจึงเป็นอันเลิกกันตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 6 ที่ว่า หากผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อภายในกำหนดตามสัญญาไม่ว่าจะมีการทวงถามหรือไม่ ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันเพิกถอนไปทันทีโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนแต่อย่างใด และข้อตกลงข้อ 9 ที่กำหนดว่า กรณีผู้เช่าซื้อผิดนัด ผิดสัญญาหลายครั้ง ถ้าผู้ให้เช่าซื้อยอมผ่อนผันการผิดนัดหรือผิดสัญญาครั้งใดอย่างใด ไม่ให้ถือว่าเป็นการผ่อนผันการผิดนัดผิดสัญญาครั้งอื่นอย่างอื่นนั้น ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยตรงกันว่าในระหว่างการชำระค่าเช่าซื้อจนถึงงวดที่ 33 ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2556 โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญา แต่จำเลยยอมรับชำระค่าเช่าซื้อที่ชำระล่าช้าทุกครั้งโดยมีการคิดค่าปรับฐานชำระล่าช้าเอาจากโจทก์ แต่ในการชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 34 ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 และงวดที่ 35 ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2556 โจทก์ชำระเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุราษฎร์ธานี ลงวันที่ล่วงหน้าวันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 และวันที่ 2 ธันวาคม 2556 สั่งจ่ายเงินฉบับละ 84,650 บาท ให้แก่จำเลย เช็คทั้งสองฉบับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 และวันที่ 2 ธันวาคม 2556 จำเลยจึงออกติดตามหารถขุดที่เช่าซื้อ จนนายชุบพนักงานของจำเลยยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนได้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 และมีการมอบหนังสือลงวันที่ 12 ธันวาคม 2556 บอกเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 ที่จัดเตรียมมาให้แก่คนขับรถขุดที่เช่าซื้อเพื่อให้นำไปมอบให้แก่โจทก์ ดังนี้ แม้ผู้เช่าซื้อจะผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ก็ไม่อาจถือว่าสัญญาเช่าซื้อต้องเลิกกันทันทีโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามสัญญาข้อ 6 เพราะอาจมีกรณีผู้ให้เช่าซื้อผ่อนผันการผิดนัดงวดนั้นดังที่ระบุในสัญญาข้อ 9 การที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อแล้ว 33 งวด โดยเป็นการชำระไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา แต่จำเลยยอมรับค่าเช่าซื้อดังกล่าว แสดงว่าจำเลยยอมผ่อนผันการผิดนัดครั้งนั้นให้โจทก์ โดยไม่ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันทันทีเพราะเหตุโจทก์ผิดนัด นอกจากนี้ยังปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ว่า หลังจากมีการยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนมาแล้ว ต่อมาจำเลยยังส่งหนังสือลงวันที่ 1 มกราคม 2557 แจ้งเตือนให้โจทก์ชำระหนี้ค่างวดตั้งแต่งวดที่ 34 ถึงงวดที่ 36 พร้อมค่าใช้จ่ายให้แก่จำเลยโดยทันที โดยในช่องหมายเหตุมีการระบุถึงเบี้ยปรับ ณ วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นเงิน 32,415 บาท และระบุด้วยว่าหากไม่ชำระตามกำหนด ต้องเสียค่าติดตามเพิ่มพร้อมค่างวดในงวดถัดไป ในลักษณะเดียวกับหนังสือเตือนให้ชำระหนี้ค่างวดสำหรับงวดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานตามทางนำสืบของจำเลยเองว่า จำเลยยังมีหนังสือลงวันที่ 8 มกราคม 2557 แจ้งเตือนว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 34 ถึงงวดที่ 36 ถือว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและจำเลยได้รับรถขุดที่เช่าซื้อคืนมาแล้ว ขอให้โจทก์ติดต่อชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด (ปิดบัญชี) พร้อมค่าใช้จ่ายภายในวันที่ 30 มกราคม 2557 มิฉะนั้นจำเลยจะนำรถขุดออกขายแก่บุคคลภายนอก เป็นพฤติการณ์ที่ประกอบกันแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงผ่อนผันการผิดนัดให้โจทก์อีกเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติ โดยหากโจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไปชำระแก่จำเลยพร้อมเบี้ยปรับฐานชำระล่าช้า จำเลยก็จะยินยอมให้โจทก์รับรถขุดที่เช่าซื้อกลับคืนไปและชำระค่าเช่าซื้อต่อไปจนกว่าจะครบตามสัญญา มิฉะนั้นจำเลยจะใช้สิทธินำรถขุดที่เช่าซื้อที่ได้ยึดคืนไปแล้วออกขายได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าซื้อทราบ หากราคาที่ขายได้ไม่เพียงพอชำระหนี้ จึงเรียกเอาส่วนที่ยังขาดอยู่จากผู้เช่าซื้อจนครบถ้วน ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 7 ส่วนที่จำเลยทำหนังสือบอกเลิกสัญญาลงวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ให้นายชุบนำติดตัวไปในขณะทำการยึดรถขุดที่เช่าซื้อ เมื่อนายชุบกับพวกยึดรถขุดแล้วได้มอบหนังสือดังกล่าวให้แก่ผู้ที่ขับรถขุดนั้น กรณีมิใช่การมอบให้แก่โจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทั้งหนังสือดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาให้โจทก์ชำระหนี้ในเวลาอันสมควรเสียก่อน กลับมีการมอบให้ภายหลังการยึดรถขุดที่เช่าซื้อ ทั้งข้อความในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ถือว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาจึงเลิกสัญญากับผู้เช่าซื้อตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 ขัดแย้งกับที่จำเลยยังคงออกหนังสือลงวันที่ 1 มกราคม 2557 แจ้งเตือนให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 34 ถึงงวดที่ 36 ดังวินิจฉัยแล้ว การบอกเลิกสัญญาของจำเลยจึงไม่ชอบ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่เลิกกัน จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนได้ การที่จำเลยยึดรถขุดดังกล่าวมา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ