แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม์แต่ปรากฎในพินัยกรรม์เพียงให้โจทก์เป็นผู้ จัดการเก็บค่าเช่าห้องพิพาทส่งไปประเทศจีนเท่านั้น ดังนี้ ไม่ได้ชื่อว่าา โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม์ ถึงแก่จะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้.
เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางต่วนผู้วายชนม์ตามพินัยกรรม ฯลฯ จำเลยได้ทำละเมิด บุกรุกเข้าไปใน อาณาเขตห้องแถวอันเป็นกองมรดกที่โจทก์เป็นผู้จัดการ ฯลฯ จึงขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สิน ของจำเลยออกไป ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่าได้สิทธิครอบครองที่พิพาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์ของจำเลยออกจากที่พิพาท ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางต่วนตามพินัยกรรม์ปรากฎในพินัยกรรม์แต่เพียง ให้โจทก์เป็นผู้จัดการเก็บค่าเช่าห้องเลขที่ ๑๔๗, ๑๔๘ และ ๑๔๙ ส่งไปประเทศจีนเท่านั้น จึงไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการมรดก ตามพินัยกรรม์ อันจะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.ม.วิ.แพ่งฯมาตรา ๑๔๒(๕) ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ จึงมิต้องพิจารณาในประเด็น ข้ออื่น
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์.