แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ณี่ก่อนจดฐเบียร อำนาจฟ้องร้องความประสงค์ของการให้จดฐเบียร
ย่อยาว
จำเลยเปนณี่โจทย์ก่อนห้างโจทย์ได้จดฐเบียร ครั้นโจทย์จดฐเบียรแล้วจึงฟ้องคดีนี้
ศาลอุทธรณ์กรุงเทพฯ ตัดสินว่า โจทย์จำเลยทำสัญญาก่อนห้างโจทย์จดฐเบียร โจทย์จะฟ้องไม่ได้ให้ยกฟ้องโจทย์ แต่โจทย์มีโอกาศที่จะฟ้องในนามของผู้เปนหุ้นส่วนได้อีก
ฎีกาตัดสินว่า จริงอยู่ฎีกาที่ ๖๕๕/๒๔๕๘ ตัดสินไว้ว่าห้างหุ้นส่วนที่จดฐเบียรแล้วจะฟ้องคดีอันเกี่ยวด้วยณี่ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อขณะยังไม่ได้จดฐเบียรไม่ได้ แต่มีฎีกาที่ ๑๐๕/๒๔๖๓ ได้แก้คำพิพากษาฉบับก่อน ซึ่งกระทำให้บทกฎหมายข้อนี้ชัดเจนขึ้น กล่าวคือพระราชบัญญัติเข้าหุ้นส่วนแลบริษัทได้ลบล้างบทกฎหมายเดิมอันเกี่ยวด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญ (ซึ่งไม่จำเปนต้องจดฐเบียร) ที่ว่าบุคคลผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถฟ้องความในนามของตนเองในฐานที่เปนเจ้าณี่ร่วมกันได้ แลปัญหาข้อนี้ควรจะคัดค้านก่อนเริ่มสืบพยาน(คือเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วฝ่ายจำเลยได้คัดค้านว่า โจทย์ฟ้องในนามสมญาไม่ได้เพราะในเวลาทำสัญญานั้น ห้างโจทย์ยังมิได้จดฐเบียร) คำให้การจำเลยก็มิได้อ้าง แลไม่มีพยาน กับมิได้คัดค้าน จึงไม่ใช่น่าที่ของศาลจะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นพิจารณาเองหรือเพิ่มเติมฟ้อง ความมุ่งหมายของการจดฐเบียรห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้มุ่งหมายที่จะป้องกันการเรียกร้องณี่อันชอบด้วยกฎหมาย หรือที่จะคุ้มครองลูกณี่ที่ทุจริต แต่เพื่อให้เจ้าณี่สามารถทราบได้ว่า เจ้าณี่ได้ทำสัญญากับบุคคลชนิดใด เพราะฉนั้นลูกณี่จึงจะหลีกเลี่ยงการชำระณี่โดยใช้ญี่ห้อการค้าขายขึ้นปิดบังชื่ออันจริงไม่ได้ คดีนี้จำเลยทราบว่าเปนณี่บุคคลผู้ใด ทั้งจำเลยได้รับความผ่อนผันโดยเต็มที่ ถ้าปัญหานี้ได้กล่าวแก้แลคัดค้านเสียแต่แรกแล้ว โจทย์ย่อมต้องได้รับอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องตามนัยแห่งฎีกาที่ ๑๐๕/๒๔๖๓ ให้จำเลยใช้ณี่ให้โจทย์