แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตจำเลย โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ลดโทษจำเลยจำเลยย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อมาได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๐ ข้อ ๕,๖ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว จำเลยทั้ง ๓ มิได้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๔๕
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ ๓ จำคุก ๑๕ ปี ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙
โจทก์จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ในชั้นศาลชั้นต้นพิพากษาก็ดี แต่คดีนี้เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตจำเลย เป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นจะต้องส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาอีกชั้นหนึ่งตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕ วรรค ๒ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คำพิพากษานั้นจึงจะเด็ดขาดถึงที่สุด ในคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น คดียังไม่เด็ดขาดถึงที่สุดจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ สำหรับข้อเท็จจริงนั้นศาลฎีกาเห็นว่าพะยานโจทก์ยังเป็นที่สงสัย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยทั้ง ๓ ไป