คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำเลยได้ทำสัญญาเช่าจากมารดาโจทก์ ขณะที่โจทก์อุปสมบทเป็นภิกษุ เมื่อไม่ได้ความว่า โจทก์ได้แต่งตั้งมารดาโจทก์เป็นตัวแทน จะเป็นโดยแสดงออกชัด หรือโดยปริยาย ดังนี้จะฟังว่ามารดาโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่สวนโฉนดที่ ๕๒๔ แต่ผู้เดียว โจทก์บรรลุนิติภาวะแล้ว ระหว่างโจทก์อุปสมบท จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่สวนรายนี้จากมารดาโจทก์ โดยโจทก์มิได้แต่งตั้งให้มารดาโจทก์เป็นตัวแทน เมื่อโจทก์ลาอุปสมบทแล้ว จึงฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย จำเลยที่ ๑ ให้การว่าได้ทำสัญญาเช่ากับบิดามารดาโจทก์โดยสุจริต บิดามารดาโจทก์ทำสัญญาแทนได้ ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม และเป็นเวยยาวัจจกรของบุตรผู้เป็นภิกษุ จำเลยที่ ๒ ว่า จำเลยที่ ๑ ทางการเรียกเข้าประจำการทหาร ในฐานะบิดาก็จัดการเช่าแทนบุตร ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าจากมารดาโจทก์ในขณะโจทก์อุปสมบทเป็นภิกษุ โจทก์ไม่อาจติดต่อทำสัญญาโดยตรงได้ มารดาโจทก์จึงเป็นตัวแทนของโจทก์โดยสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๗๙๘ นั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่รับกันไม่ได้ความว่า ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนกฎหมายที่จำเลยอ้าง จะเป็นโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยาย ก็ไม่ได้ความเลย
พิพากษายืน

Share