คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10344/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยใช้อุบายเข้าไปขอซื้อสินค้า เมื่อ น. ไปหยิบสินค้าและเผลอ พวกของจำเลยลงจากรถลักบุหรี่ไปจากร้านค้าของผู้เสียหายโดยพวกของจำเลยลอบลักหยิบเอาบุหรี่ไปโดยไม่ให้บุคคลในร้านเห็น แม้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในร้านตัดผมฟากถนนฝั่งตรงข้ามจะเห็นเหตุการณ์ขณะพวกของจำเลยลงจากรถเข้าไปลักบุหรี่ก็ตาม แต่ผู้เสียหายอยู่อีกฟากถนนจะเห็นเหตุการณ์ในระยะห่าง 20 เมตร ลักษณะการกระทำดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าพวกของจำเลยเอาบุหรี่ของผู้เสียหายไปต่อหน้าผู้เสียหาย การกระทำของพวกของจำเลยไม่เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 336, 336 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 336 วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ, 83 ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยกับพวกอีกสองคนขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปจอดที่หน้าร้านค้าของนางสุณีผู้เสียหาย แล้วจำเลยลงจากรถเข้าไปในร้านใช้อุบาขอซื้อกระดาษทิชชูและปลั๊กไฟฟ้า เมื่อนางสาวนิภาบุตรสาวของผู้เสียหายเดินไปหยิบปลั๊กไฟฟ้านั้น จำเลยเดินตามเข้าไปด้วย ขณะนางสาวนิภากำลังหยิบสินค้าและเผลอนั้น พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งลงจากรถเข้าไปลักบุหรี่จำนวน 7 หีบ ราคา 1,918 บาท ซึ่งวางอยู่ในตู้หน้าร้านขึ้นรถหลบหนีไป ส่วนจำเลยขึ้นรถไม่ทันและถูกผู้เสียหายกับพวกจับกุมไว้ได้ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยใช้อุบายเข้าไปขอซื้อสินค้า เมื่อนางสาวนิภาไปหยิบสินค้าและเผลอ พวกของจำเลยลงจากรถลักบุหรี่ไปจากร้านค้าของผู้เสียหายนั้น ได้ความว่านางสาวนิภา และนายวิษณุซึ่งอยู่ในร้านค้ามิได้รู้เห็น แสดงว่าพวกของจำเลยลอบลักหยิบเอาบุหรี่ไปโดยไม่ให้บุคคลในร้านเห็นแม้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในร้านตัดผมฟากถนนฝั่งตรงข้ามจะเห็นเหตุการณ์ขณะพวกของจำเลยลงจากรถเข้าไปลักบุหรี่ก็ตาม แต่ก็ได้ความว่า ผู้เสียหายอยู่อีกฟากถนนและเห็นเหตุการณ์ในระยะห่าง 20 เมตร ลักษณะการกระทำดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าพวกของจำเลยเอาบุหรี่ของผู้เสียหายไปต่อหน้าผู้เสียหาย การกระทำของพวกของจำเลยไม่เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share