คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10342/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องฎีกาของจำเลยบรรยายแต่เพียงว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ของศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่า บ. เป็นหนี้จำนองโจทก์ โดยจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง ที่โจทก์มาดำเนินคดีนี้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งจึงเป็นฟ้องซ้ำ โดยไม่ได้กล่าวบรรยายฟ้องให้เห็นว่าประเด็นในคดีนี้กับคดีแพ่งดังกล่าวเป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกันมาแล้วอย่างไร อันจะเป็นการฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 คำฟ้องฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งซึ่งข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างในการยื่นฎีกา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
การฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไถ่ถอนจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 737 แม้เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ แต่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 ทวิ โจทก์ผู้รับจำนองจะเลือกฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาก็ได้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาลตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. และมาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีให้ตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและวรรคสองยังบัญญัติอีกว่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าทนายความ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีเป็นฝ่ายแพ้คดี กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์มานั้น จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 437,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 250,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ หากไม่ชำระขอให้บังคับจำนองที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาด
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ของศาลชั้นต้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 4867 ตำบลท่าคล้อ (หนองหว้า) อำเภอเบญจลักษ์ (กันทรลักษ์) จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด นำเงินชำระหนี้โจทก์ตามสัญญากู้ยืม ซึ่งนางบุษบาไชยเชษฐ์ ต้องรับผิดจำนวน 437,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 250,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (12 (ที่ถูก 17) มิถุนายน 2545) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ เงินยังขาดจำนวนเท่าใดจำเลยไม่ต้องรับผิด ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 8,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาขึ้นมาเป็นข้อแรกว่า การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องฎีกาข้อ 3 บรรยายแต่เพียงว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้วินิจฉัยแล้วว่า นางสาวบุษบาเป็นหนี้จำนองโจทก์โดยจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้พิพากษายกฟ้องจำเลย ที่โจทก์มาดำเนินคดีนี้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการฟ้องซ้ำ โดยไม่ได้กล่าวบรรยายฟ้องให้เห็นว่า ประเด็นในคดีนี้กับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ดังกล่าวข้างต้นเป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันมาแล้วอย่างไร อันจะเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ดังนี้ คำฟ้องฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งซึ่งข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างในการยื่นฎีกา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายข้อต่อมาว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นซึ่งมิใช่ศาลที่ตัวทรัพย์ตั้งอยู่ในเขตอำนาจหรือไม่ เห็นว่า การฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไถ่จำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 737 แม้จะเป็นคำฟ้องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ทวิ ให้สิทธิโจทก์ผู้รับจำนองเลือกที่ฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์ (ทรัพย์จำนอง) นั้นตั้งอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลก็ได้ ดังนี้การที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลซึ่งมิใช่ในเขตศาลที่ตัวทรัพย์ตั้งอยู่ย่อมกระทำได้โดยชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายข้อสุดท้ายว่า ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยซึ่งมิใช่ลูกหนี้จำนองของโจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า ค่าฤชาธรรมเนียมศาลตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และมาตรา 161 วรรคแรก บัญญัติความรับผิดชั้นที่สุด สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีให้ตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และวรรคสองยังบัญญัติอีกว่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าทนายความด้วย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีให้เป็นฝ่ายแพ้คดี กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 10,000 บาท แทนโจทก์.

Share