คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในวันที่4 มิถุนายน 2522 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 14 มิถุนายน 2522 ดังนี้ เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10)พ.ศ.2522 มาตรา 5 บัญญัติว่ามิให้ถือว่าต่างกันในข้อสารสำคัญ เมื่อ จำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2522 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจข่มขืนกระทำชำเรานางเล็กผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ข้อ 7

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514ข้อ 7 จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้จำเลย 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ระบุว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 4 มิถุนายน 2522 แต่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 14 มิถุนายน2522 ทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความแตกต่างที่จำเลยฎีกานั้น เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10)พ.ศ. 2522 มาตรา 5 บัญญัติว่ามิให้ถือว่าต่างกันในข้อสารสำคัญ เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้

พิพากษายืน

Share