คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของมารดาโจทก์จากจำเลย ซึ่งเป็นสามีของมารดาโจทก์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อปรากฎว่าทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยร่วมแรงร่วมทุนกับมารดาโจทก์หาได้มาจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางสาวสวิงโจทก์เป็นบุตรนายแสวงนางสุ่ม นายแสวงตายแล้วนางสุ่มมาได้นายนุ่มจำเลยเป็นสามี แต่มิได้จดทะเบียน นางสุ่มได้ตายแล้ว เมื่อก่อนนางสุ่มตาย นางสาวสวิงและนางสุ่มได้นำข้าวเปลือกไปฝากไว้กับนายทัดจำเลย ต่อมานางสุ่มได้เอาข้าวมาขายเสียบ้างคงเหลืออยู่ ๖๐๐ ถัง นางสาวสวิงไปขอข้าวเปลือกจากนายทัด ๆ ว่าจะให้นายนุ่มจำเลยตวงให้ แต่นายนุ่มจำเลยก็ไม่ยอมให้ อนึ่งเมื่อนางสุ่มยังไม่ตาย นางสุ่มได้เข้าหุ้นส่วนทำฟืนหลากับนายแนบ ซื้อฟืนได้ ๓๑ หลา เมื่อนางสุ่มตาย นางสาวสวิงจะเอาฟืนนี้มาซื้อขาย นายนุ่มจำเลยไม่ยอมให้ จึงขอให้จำเลยทั้งสองคืนข้าวเปลือก ๖๐๐ ถัง และนายนุ่มคืนฟืน ๓๑ หลา นายทัดจำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากข้าวเปลือกไว้จากนางสุ่มนางสาวสวิง นายนุ่มจำเลยให้การว่า ถ้าศาลเห็นว่าจำเลยควรชดใช้ค่าข้าวเปลือกหรือฟืนให้โจทก์แล้ว ก็ขอให้แบ่งให้นายนุ่มครึ่งหนึ่ง เพราะนายนุ่มนางสุ่มได้ประกอบทุนร่วมกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีไม่อาจฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ข้าวและฟืนไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่นายนุ่มร่วมแรงร่วมทุนกับนางสุ่มหาได้มา นายนุ่มไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่ง
พิพากษายืน

Share