คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10312/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.อ. มาตรา 252 ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยเสียค่าคำร้อง 40 บาท จึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งเป็นอาคารเก็บทรัพย์ของบริษัทเพาเวอร์บาย จำกัด ผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร แล้วซ่อนตัวอยู่ในอาคารดังกล่าว จากนั้นจำเลยลักโทรศัพท์เคลื่อนที่ 7 เครื่อง ราคา 94,900 บาท กระเป๋าสะพาย 1 ใบ ราคา 1,470 บาท รวมเป็นเงิน 96,370 บาท ของผู้เสียหายไป โดยงัดแงะกุญแจตู้ที่เก็บรักษาทรัพย์ดังกล่าว อันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และกระเป๋าสะพายดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 335, 364, 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (3) วรรคสอง จำคุก 3 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งถึงวันเวลากระทำความผิดฐานลักทรัพย์และทรัพย์ที่จำเลยลักไป ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยลักโทรศัพท์เคลื่อนที่ 7 เครื่อง ราคา 94,900 บาท และกระเป๋าสะพาย 1 ใบ ราคา 1,470 บาท เป็นเงิน 96,370 บาท ของผู้เสียหาย โดยงัดแงะกุญแจตู้ที่เก็บรักษาทรัพย์ดังกล่าวอันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้นแล้วเอาทรัพย์ดังกล่าวไปโดยทุจริต ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์และทรัพย์ที่จำเลยลักไปพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่จำเลยให้การชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 และบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายได้คืนระบุว่า ยึดทรัพย์ของกลางได้จากบริษัทเพาเวอร์บาย จำกัด ผู้กล่าวหา นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการนำสืบของโจทก์ในทางพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
อนึ่ง การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 252 ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยเสียค่าคำร้อง 40 บาท จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขโดยสั่งให้ถูกต้อง”
พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าคำร้องแก่จำเลย

Share