คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6901/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยปลอมใบนำฝากเงินและใบเสร็จรับเงินของธนาคาร ก็โดยเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยนำเงินและเช็คที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของโจทก์ร่วม เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อปกปิดการกระทำของจำเลยที่ได้ยักยอกเงินที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมและที่จำเลยเบิกตามเช็คของโจทก์ร่วมไปบางส่วนหรือทั้งหมด แม้การปลอมเอกสารดังกล่าวจะกระทำภายหลังที่จำเลยยักยอกเงินไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์ร่วมไป โดยจำเลยมีเจตนาที่จะใช้เอกสารที่ทำขึ้นเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของโจทก์ร่วมนั้นเอง ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานยักยอก จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 264, 265, 268, 341, 352 ริบของกลาง ให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 810,746.92 บาท และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จำนวน 18,500 บาท แก่ผู้เสียหายและนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 440/2543 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 341, 342 วรรคแรก การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 31 กระทง เป็นจำคุก 186 เดือน ฐานยักยอกลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 32 กระทง เป็นจำคุก 192 เดือน รวมจำคุก 384 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 192 เดือน ริบใบนำฝากเงินและใบเสร็จรับเงินของกลาง ให้จำเลยคืนเงินหรือชดใช้เงินจำนวน 810,746.92 บาท ที่ยักยอกไป และให้จำเลยคืนหรือชดใช้ราคาเครื่องปรับอากาศยี่ห้อลักซูรีขนาด 18,000 บีทียู ราคา 18,500 บาท แก่ผู้เสียหาย (ที่ถูก โจทก์ร่วม) และให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3928/2546 ของศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมสถานหนัก
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมและยักยอก ซึ่งเป็นกรรมเดียวกัน 30 กระทง ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกกระทงละ 6 เดือน ฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมที่มิได้เป็นกรรมเดียวกับฐานยักยอก 1 กระทง ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน ฐานยักยอกจำคุก 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานฉ้อโกงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 198 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 99 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วมยักยอกเงินทั้งหมดหรือบางส่วนที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมหรือที่จำเลยเบิกตามเช็คซึ่งโจทก์ร่วมมอบหมายให้จำเลยนำเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของโจทก์ร่วม แล้วจำเลยปลอมใบนำฝากเงินกับใบเสร็จรับเงินของธนาคารและนำไปใช้อ้างแสดงต่อโจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่าจำเลยนำเงินและเช็คที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมไปเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ร่วมเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานยักยอกเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยปลอมใบนำฝากเงินและใบเสร็จรับเงินของธนาคาร ก็โดยเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าจำเลยนำเงินและเช็คที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของโจทก์ร่วมเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อปกปิดการกระทำของจำเลยที่ได้ยักยอกเงินที่ได้รับมอบจากโจทก์ร่วมและที่จำเลยเบิกตามเช็คของโจทก์ร่วมไปบางส่วนหรือทั้งหมด แม้การปลอมเอกสารดังกล่าวจะกระทำภายหลังที่จำเลยยักยอกเงินไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์ร่วมไป โดยจำเลยมีเจตนาที่จะใช้เอกสารที่ทำขึ้นเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของโจทก์ร่วมนั่นเอง ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานยักยอก จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share