คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยแล้วผู้ร้องยังคงมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทอยู่ต่อไปหรือไม่ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหา เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกา มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลย จึงมีผลเท่ากับเป็นการยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลย ไปในตัว อำนาจที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอน ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิ้นสุดลง ผู้ร้องจึง ไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทต่อไปได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้จดทะเบียนขายที่ดินพร้อมตึกแถวให้แก่ผู้คัดค้านในราคา 300,000 บาทโดยผู้คัดค้านทราบดีว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงเป็นการรับโอนโดยไม่สุจริต ทั้งการโอนดังกล่าวเป็นการโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านและให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมให้ผู้คัดค้านชดใช้เงิน 650,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของจำเลย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การรับโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ผู้คัดค้านได้รับโอนโดยสุจริตมิได้รู้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว และเป็นการรับโอนโดยเสียค่าตอบแทนโดยชำระด้วยเงินสดและแคชเชียร์เช็ครวมเป็นเงิน650,000 บาท ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 130439 ตำบลบางเขน (ดอนเมือง) อำเภอบางเขนกรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถวพิพาทสองชั้น เลขที่ 26/420ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้าน ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิมหากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมให้ผู้คัดค้านชดใช้เงิน650,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 อันเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของจำเลย
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากที่ผู้คัดค้านยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ผู้ร้องได้มีหนังสือที่ ยธ.0320/805 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2534 แจ้งไปยังศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยซึ่งมีรวม 4 ราย ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ร้องขอสละสิทธิในการขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลย อันเป็นเหตุหนึ่งที่จำเลยไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลายขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 135(2)และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายตามความเห็นของผู้ร้องกับได้แจ้งคำสั่งให้ผู้ร้องทราบแล้ว มีปัญหาที่จะวินิจฉัยในประการแรกว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยแล้ว ผู้ร้องยังคงมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทอยู่ต่อไปหรือไม่ ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ และศาลฎีกาเห็นว่าการที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้บัญญัติให้มีการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยในคดีล้มละลายและให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินของจำเลยได้ ก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยมาแบ่งชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ได้สละสิทธิในการขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลย และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงมีผลเท่ากับเป็นการยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยไปในตัว อำนาจที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิ้นสุดลง ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทต่อไปได้ และคดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามฎีกาของผู้คัดค้านอีกต่อไป”
จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

Share