คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10305/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างคือตึกแถวสองชั้น 1 หลัง ใช้อยู่เองและประกอบการค้า และตึกแถวหนึ่งชั้นเป็นโกดังเก็บสินค้าอีก 1 หลัง อยู่ติดกัน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไม่ได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดิน คำบรรยายฟ้องของโจทก์ชัดแจ้งแล้วว่า ตึกแถวสองชั้น 1 หลัง จำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบการค้าด้วย และมีตึกแถวหนึ่งชั้นเป็นโกดังเก็บสินค้า 1 หลัง อยู่ติดกับตึกแถวสองชั้น และโจทก์ได้บรรยายฟ้องต่อไปว่า ตึกแถวสองชั้นและโกดังเก็บสินค้าต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินค่าภาษีโดยเทียบเคียงกับค่ารายปีของโรงเรือนหรือทรัพย์สินที่ให้เช่าตามหลักเกณฑ์การกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และบัญชีแสดงการแบ่งทำเลเพื่อกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร ซึ่งมีรายละเอียดชัดเจนว่า ตึกแถวสองชั้นทำเลใดคิดค่าเช่าเท่าใด โกดังเก็บของคิดค่าเช่าเท่าใด กำหนดเป็นค่ารายปีและค่าภาษีเท่าใด ซึ่งจำเลยสามารถเข้าใจได้ดีจึงต่อสู้ได้ถูกต้องว่าตึกแถวและโกดังของจำเลยไม่ต้องเสียภาษีเพราะเหตุใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
แม้โจทก์จะมิได้ระบุว่าจำเลยใช้โรงเรือนเป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรมตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ แต่การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าตึกแถวสองชั้น 1 หลัง จำเลยใช้อยู่เองและประกอบการค้าจึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมาย อันเป็นการระบุว่าจำเลยต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในส่วนของตึกแถวสองชั้น เพราะจำเลยได้ใช้ประกอบการค้าด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างตึกแถวสองชั้น 1 หลัง โดยจำเลยใช้อยู่เองและประกอบการค้า และตึกแถวหนึ่งชั้นใช้เป็นโกดังเก็บสินค้าอีก 1 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ติดต่อกัน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยดังกล่าวไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมาย จำเลยยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ง.ด. 2) ประจำปีภาษี 2539, 2540, 2541 และ 2542 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยเทียบเคียงกับค่ารายปีของโรงเรือนหรือทรัพย์สินที่ให้เช่าที่มีลักษณะของทรัพย์สินขนาด พื้นที่ ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้นได้รับประโยชน์คล้ายคลึงกันในเขตเดียวกันตามหลักเกณฑ์การกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และบัญชีแสดงการแบ่งทำเลเพื่อกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร (ต่อเดือน) ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรีของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการประเมินค่ารายปี และได้แจ้งรายการประเมินให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่การประเมินจึงเป็นอันยุติ และจำเลยมิได้ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินตามการประเมินจึงต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มร้อยละสิบเป็นจำนวน 1,470 บาท รวมเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเงินเพิ่มทั้งสิ้นจำนวน 16,170 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะ โจทก์มิได้บรรยายว่าโจทก์กับจำเลยมีนิติสัมพันธ์ใดต่อกัน และจำเลยต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเพราะเหตุใด โรงเรือนตึกแถวสองชั้นเลขที่ 171 จำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ส่วนตึกแถวที่เป็นโกดังเก็บสินค้าที่โจทก์อ้างมานั้นความจริงเป็นเพียงเพิงหลังคาสังกะสีและเป็นส่วนหนึ่งของตึกแถวที่จำเลยอยู่อาศัยจึงถือเป็นที่อยู่อาศัย โจทก์ไม่ได้ระบุว่าจำเลยใช้ตึกแถวสองชั้นเป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรมแต่อย่างใด จำเลยจึงได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 10 ทั้งโจทก์ก็ไม่เคยเรียกเก็บภาษีจากจำเลยมาก่อน การประเมินภาษีของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 8 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 16,170 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเนื่องจากมิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏโดยชัดแจ้งว่าโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเพราะเหตุใด อย่างไร และโจทก์ไม่ได้ระบุว่าเหตุใดโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยจึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดิน คำฟ้องของโจทก์ขัดแย้งกันเองไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยจะต้องเสียภาษีในฐานะที่เป็นเจ้าของโรงเรือนหรือเจ้าของโกดัง อีกทั้งฟ้องโจทก์ไม่ชัดแจ้งว่าโจทก์คิดค่ารายปีและค่าภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่เป็นตึกแถวหรือเป็นโกดังและในอัตราเท่าใด จำเลยจึงไม่สามารถต่อสู้คดีได้ถูกต้องนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างคือตึกแถวสองชั้น 1 หลัง เลขที่ 171 ถนนพระพันวษา ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้อยู่เองและประกอบการค้า และตึกแถวหนึ่งชั้นเป็นโกดังเก็บสินค้าอีก 1 หลัง อยู่ติดกัน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดิน คำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวชัดแจ้งแล้วว่าตึกแถวสองชั้น 1 หลัง เลขที่ 171 จำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบการค้าด้วยและมีตึกแถวหนึ่งชั้นเป็นโกดังเก็บสินค้า 1 หลัง อยู่ติดกับตึกแถวสองชั้น และโจทก์ได้บรรยายฟ้องต่อไปว่า ตึกแถวสองชั้นและโกดังเก็บสินค้าต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินค่าภาษีโดยเทียบเคียงกับค่ารายปีของโรงเรือนหรือทรัพย์สินที่ให้เช่าตามหลักเกณฑ์การกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และบัญชีแสดงการแบ่งทำเลเพื่อกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร (ต่อเดือน) ซึ่งมีรายละเอียดชัดเจนว่าตึกแถวสองชั้นทำเลใดคิดค่าเช่าเท่าใด โกดังเก็บของคิดค่าเช่าเท่าใด กำหนดเป็นค่ารายปีและค่าภาษีเท่าใด จำเลยก็สามารถเข้าใจได้ดีจึงต่อสู้ได้ถูกต้องว่าตึกแถวและโกดังของจำเลยไม่ต้องเสียภาษีเพราะเหตุใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเพราะโจทก์มิได้ระบุว่าจำเลยใช้โรงเรือนเป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรมจำเลยจึงได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าตึกแถวสองชั้น 1 หลัง จำเลยใช้อยู่เองและประกอบการค้าจึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการระบุว่าจำเลยต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในส่วนของตึกแถวสองชั้นเพราะจำเลยได้ใช้ประกอบการค้าด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินได้ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share