แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จ โดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาลและจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลยดังนี้ เพียงเท่านี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 157 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายแดงจำเลยสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งแก่โจทก์แล้วบิดพลิ้ว โจทก์จึงได้ฟ้องขอให้นายแดงจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์คดีอยู่ระหว่างพิจารณา นายแดง นายจรุ กับพวกได้สมคบกันฉ้อโกงโจทก์ โดยแกล้งทำพยานหลักฐานเท็จว่านายแดงจำเลยทำสัญญากู้เงินนายจรุงแล้วนายจรุงนำสัญญามาฟ้องนายแดงจำเลย และได้ทำยอมกันต่อศาล ซึ่งศาลได้พิพากษาไปตามยอมแล้ว ทั้งนี้เพื่อจะยึดที่ดินพิพาทของนายแดงมาขายทอดตลาด เอาเงินมาชำระหนี้ตามยอม เป็นการป้องกันมิให้นายแดงจำเลยถูกบังคับโอนที่ดินให้โจทก์ ฯลฯ
จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 157, 308, 63
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว รับฟ้องเฉพาะข้อหาตามมาตรา 157
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเพียงเท่าที่กล่าว ยังไม่ได้นำมาอ้างในสำนวนที่โจทก์ฟ้องนายแดงจำเลยเรื่องขอให้บังคับโอนที่ดิน เห็นได้ชัดว่า โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายย่อมไม่อยู่ในฐานที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานนี้ได้ มิพักต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริง หรือเหตุอื่นอีก
จึงให้ยกฎีกาโจทก์ โดยพิพากษายืน